แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์อันเป็นเหตุที่จะควบคุมบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมได้นั้นจะต้องมีหลักฐานประกอบพอสมควรที่จะฟังได้ว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เช่นนั้น มิใช่มีแต่เพียงหลักฐานอันเลื่อนลอยและคลุมเครือ
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ร้อยตำรวจเอกสมจิตรจับกุมและกักขังผู้ร้องไว้ โดยอ้างว่าผู้ร้องประพฤติตนเป็นภัยต่อสังคม เป็นเจ้ามือหวย ก.ข. ซึ่งไม่เป็นความจริงขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวผู้ร้องจากการควบคุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ร้อยตำรวจเอกสมจิตรยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องมีพฤติการณ์หาเลี้ยงชีพด้วยวิธีการอันขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และดำรงชีพด้วยการตั้งบ่อนการพนัน เป็นเจ้ามือหวยจับยี่กี สารวัตรใหญ่ได้สอบสวนเป็นที่แน่ชัดแล้วและได้สั่งให้จับกุมผู้ร้อง จึงเป็นการควบคุมโดยชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ปล่อยตัวผู้ร้องพ้นจากการควบคุม
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่ผู้คัดค้านฎีกาอ้างว่าตามคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินนั้น เพียงแต่มีพฤติการณ์ว่าผู้ใดดำรงชีพด้วยวิธีการอันขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และดำรงชีพด้วยการตั้งบ่อนการพนันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นเจ้ามือจับยี่กี เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจก็มีอำนาจจับผู้นั้นมาควบคุมในฐานะบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมได้ ข้อนี้ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์อันเป็นเหตุที่จะควบคุมบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมได้นั้น จะต้องมีหลักฐานประกอบพอสมควรที่จะฟังได้ว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เช่นนั้นมิใช่มีเพียงแต่หลักฐานอันเลื่อนลอยและคลุมเครือดังที่ผู้คัดค้านนำสืบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมบุคคลหนึ่งบุคคลใดในฐานะเป็นภัยต่อสังคมนั้นเป็นการทำให้บุคคลนั้นต้องสูญเสียเสรีภาพ ฉะนั้นการใช้อำนาจดังกล่าวจึงต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบระมัดระวังเป็นพิเศษที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้ออ้างของผู้คัดค้านที่จะควบคุมตัวผู้ร้องไว้ในฐานะบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมฟังไม่ขึ้นนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน