แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีเอาบ้านของภรรยาอันเป็นสินบริคณห์ ไปให้ผู้อื่นเช่าอยู่อาศัยนั้น ต้องถือว่าสามีเป็นผู้จัดการตามอำนาจของกฎหมาย ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1468 ฉะนั้น เมื่อภรรยาผู้เป็นเจ้าของได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ให้เข้าอยู่ในบ้านเช่านั้นได้ ก็เท่ากับสสามีผู้มีอำนาจจัดการได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ให้เข้าอยู่ด้วย สามีจึงมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มาตรา16 (6)
ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าบ้านกับผู้เช่า ให้ผู้เช่าออกจากบ้านไปภายในกำหนดและยังบอกกล่าวไปชัดแจ้งว่าถ้าผู้ให้เช่าเข้าบ้านเช่านี้นตามกำหนดไม่ได้ ก็จะทำให้ผิดสัญญาไม่สามารถส่งมอบบ้านอีกหลังหนึ่ง ที่ทำสัญญาซื้อขายกันแล้ว ให้แก่ผู้ซื้อได้ตามกำหนดและจะถูกผู้ซื้อปรับเป็นรายวัน ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เช่าได้ทราบความเสียหายเป็นพิเศษของผู้ให้เช่าแล้ว ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาไม่ออกจากบ้านเช่าภายในกำหนด ทำให้ผู้ให้เช่าผิดสัญญากับผู้ซื้อและถูกผู้ซื้อปรับเอาเท่าใด ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกเอาจากผู้เช่าได้เท่าจำนวนที่เสียไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าบ้านของโจทก์ภายหลังภรรยาโจทก์ขายบ้านตำบลคลองเตยให้ผู้อื่น และภรรยาโจทก์ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ขอเข้าอยู่บ้านที่จำเลยเช่านี้ คณะกรรมการได้อนุญาตแล้วแต่จำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ที่ถูกปรับเพราะส่งมอบบ้านที่ขายแก่ผู้ซื้อไม่ได้
ศาลแพ่งพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้ใช้ค่าเสียหายตามขอ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์เป็นผู้ให้จำเลยเช่าบ้านแต่ภรรยาโจทก์เป็นผู้ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ จึงไม่เข้าข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา ๑๖ ข้อ ๖ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อที่จำเลยคัดค้านและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ภรรยาโจทก์ไม่ใช่คู่สัญญาเช่า โจทก์ผู้ให้เช่าไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ฯลฯ จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เนื่องจากภรรยาโจทก์เคยให้จำเลยเช่าบ้านรายพิพาทมาแล้ว และคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ยอมรับว่าภรรยาโจทก์เป็นเจ้าของบ้านพิพาท และอนุญาตให้ภรรยาโจทก์เข้าอยู่ในบ้านพิพาทได้ จึงต้องฟังว่าบ้านพิพาทเป็นของภรรยาโจทก์ การที่ภรรยาโจทก์ยินยอมให้โจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลย ต้องถือว่าบ้านพิพาทเป็นสินบริคณห์ ซึ่งโจทก์เป็นผู้มีอำนาจจัดการตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๔๖๘ ต้องฟังว่าโจทก์เป็นผู้จัดการให้เช่าแทนภรรยาโจทก์ตามอำนาจของกฎหมาย เมื่อภรรยาโจทก์ผู้เป็นเจ้าของได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ให้เข้าอยู่ในบ้านพิพาทได้ ก็เท่ากับโจทก์ ผู้มีอำนาจจัดการได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ฯลฯ ให้เข้าอยู่ด้วย โจทก์จึ่งมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มาตรา ๑๖ (๖)
ส่วนค่าปรับ หรือค่าเสียหายที่ภรรยาโจทก์ต้องใช้แก่ผู้ซื้อเพราะภรรยาโจทก์ส่งมอบที่ที่ขายแก่เขาไม่ได้นั้น ก็ได้มีข้อความชัดในหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาแล้ว จึงต้องฟังว่าจำเลยได้ทราบความเสียหายเป็นพิเศษของโจทก์และภรรยาแล้ว จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น