คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งหกใช้ทางพิพาทโดยขออาศัยสิทธิของเจ้าของทางพิพาทเดิมแม้จะใช้ทางพิพาทตลอดมาเกิน10ปีก็ไม่ถือว่าเป็นการใช้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาจะให้ได้สิทธิภารจำยอมทางพิพาทจึงไม่ตกอยู่ในภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ใช้ทางเดินผ่านที่ดินจำเลยมากกว่า10 ปี จนได้สิทธิเป็นทางภารจำยอมแล้ว ต่อมาจำเลยทำรั้วไม้ไผ่ปิดกั้นทางพิพาท ขอให้บังคับจำเลยรื้อรั้วไม้ไผ่ที่กั้นทางภารจำยอมออกไป หากไม่รื้อให้โจทก์เป็นผู้รื้อแทนและให้จำเลยเปิดทางให้โจทก์กับบริวารออกสู่ถนนสาธารณะถนนสุขาประชาสรรค์ 2 เนื้อที่กว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ37 เมตร ด้านที่ติดคูน้ำสาธารณะไปจนจดถนนสาธารณะและให้จำเลยไปจดทะเบียนที่ดินโฉนดเลขที่ 134306 เป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 5150, 5151, 5152, 5154, 2964 และ2983 ของโจทก์ทั้งหก หากไม่ปฎิบัติให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่134306 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จากนายไพบูลย์ ลีกระจ่างแสง เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2527 โดยสุจริต เปิดเผยและมีค่าตอบแทนขณะซื้อไม่มีทางภารจำยอมในที่ดินโจทก์ทั้งหกใช้ทางสาธารณะด้านทิศเหนือของที่ดินของตนเป็นทางเดิน และเมื่อราว 6 – 7 ปีมานี้ โจทก์ที่ 3 ถึงที่ 5เคยขออนุญาตนายไพบูลย์ขนวัสดุก่อสร้างผ่านที่ดินจำเลยเพื่อนำไปปลูกบ้านในที่ของตนและได้สร้างสะพานไม้ชั่วคราวข้ามคูน้ำสาธารณะเมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้วไม่รื้อสะพานออกไป แต่โจทก์ที่ 3 ถึงที่ 5 เลิกเดินผ่านที่ดินของนายไพบูลย์ และเมื่อต้นปี 2527 โจทก์ที่ 6 ขออนุญาตนายไพบูลย์ขนดินผ่านที่ดินจำเลยเพื่อนำไปถมที่ของตน และโจทก์ที่ 6 ได้ทำท่อระบายน้ำเพื่อถมคูน้ำสาธารณะให้เชื่อมกับที่ดินของจำเลยหลังจากถมดินเสร็จยังไม่มีการรื้อท่อระบายน้ำออก หากจำเลยรื้อสะพานและท่อระบายน้ำออกเองจะสิ้นค่าใช้จ่าย 30,000 บาท และหากโจทก์ทั้งหกได้ทางภารจำยอม จำเลยจะเสียหาย 50,000 บาท ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ที่ 3 ถึงที่ 5 รื้อสะพานไม้ ให้ให้โจทก์ที่ 6 รื้อท่อระบายน้ำและขุดดินที่ถมคูน้ำสาธารณะให้คืนสภาพเดิม หากโจทก์ที่ 3 ถึงที่ 6 ไม่จัดการก็ให้ใช้ค่ารื้อถอน30,000 บาท และให้โจทก์ทั้งหกใช้ค่าเสียหายจำนวน 50,000บาท แก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน80,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ทั้งหกให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่มีสิทธิขอให้โจทก์รื้อสะพาน ท่อระบายน้ำ และขุดดินในคูน้ำสาธารณะออก เพราะมิได้อยู่ในที่ดินของจำเลย ค่ารื้อถอนไม่เกิน 500บาท ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งจำเลย
โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟังได้ว่า โจทก์ทั้งหกใช้ทางพิพาทโดยขออาศัยสิทธิของนางจำปีและนายไพบูลย์เจ้าของทางพิพาทเดิมแม้จะใช้ทางพิพาทตลอดมาเกิน 10 ปี ก็ไม่ถือว่าเป็นการใช้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาจะให้ได้สิทธิภารจำยอมทางพิพาทจึงไม่ตกอยู่ในภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งหกที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share