คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งเกี่ยวกับเช็คที่ฟ้องจำเลยในคดีอาญาว่า จำเลยยอมผ่อนชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาท หากจำเลยชำระเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์ก็จะถอนฟ้องคดีอาญา แต่จำเลยไม่ชำระเงินให้แก่โจทก์ ดังนี้ ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าโจทก์ตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญากับจำเลยในทันที แต่กลับมีเงื่อนไขที่จำเลยจะต้องผ่อนชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์จนครบถ้วนเสียก่อน เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีความผูกพันที่จะต้องถอนฟ้องคดีอาญาตามที่ตกลง กรณีหามีผลเป็นการยอมความในคดีอาญาแต่อย่างใดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ จำเลยเป็นญาติกับโจทก์ทั้งยังมีบุตรสองคนจะต้องอุปการะเลี้ยงดู ประกอบกับโจทก์ได้ฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็คในคดีนี้แล้ว เห็นสมควรลงโทษจำเลยสถานเบา ให้ลงโทษจำคุก ๖ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งแล้ว สิทธิในการฟ้องคดีอาญาของโจทก์ย่อมระงับเพราะได้มีการยอมความกันตามกฎหมายแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามที่จำเลยฎีกาและโจทก์แก้ฎีกาว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๖๓๙/๒๕๒๘ ของศาลชั้นต้น โดยจำเลยยอมผ่อนชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท หากจำเลยชำระเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ครบถ้วน โจทก์จะถอนฟ้องคดีอาญานี้ แต่ปรากฏว่าจำเลยมิได้ชำระเงินให้แก่โจทก์สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีแพ่งดังกล่าว ไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าโจทก์ตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญากับจำเลยในทันที แต่กลับมีเงื่อนไขที่จำเลยต้องปฏิบัติต่อโจทก์เสียก่อน กล่าวคือ จำเลยจะต้องผ่อนชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์จนครบถ้วน โจทก์จึงจะถอนฟ้องคดีอาญาให้จำเลย เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีความผูกพันที่จะต้องถอนฟ้องคดีอาญาตามที่ตกลง กรณีจึงหามีผลเป็นการยอมความในคดีอาญานี้แต่อย่างใดไม่ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับไป
พิพากษายืน

Share