คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา(ก)

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก 2 คน ร่วมปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นตายปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่ช่วยวางแผนให้คนร้าย 2 คน ไปกระทำผิดในสวนยางและขณะคนร้าย 2 คน ไปกระทำความผิดตามแผนที่วางแผนไว้ จำเลยยืนอยู่นอกสวนยางห่างสวนยางชั่วระยะตะโกนกันได้ยิน ในช่วงระยะเวลาที่คนร้าย 2 คน ดังกล่าวกระทำความผิด อ. บุตรผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ผ่านจำเลยเข้าไปในสวนยางที่เกิดเหตุ จำเลยก็มิได้ส่งสัญญาณให้คนร้าย 2 คน ดังกล่าวทราบหรือเข้าช่วยคนร้าย 2 คนนั้น คงยืนอยู่เฉย ๆ เมื่อคนร้าย 2 คนนั้นกระทำความผิดตามที่วางแผนไว้สำเร็จแล้วคนร้ายคนหนึ่งหลบหนีไปทางอื่น คนร้ายอีกคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายผ่านหน้าจำเลยไปแล้วจำเลยก็กลับบ้าน การกระทำของจำเลยดังกล่าวยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับคนร้าย 2 คนนั้น โดยแบ่งหน้าที่กันทำ แต่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่คนร้าย 2 คนดังกล่าวกระทำความผิด จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของคนร้าย 2 คนดังกล่าว
เมื่อปรากฏว่าคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ของผู้ตายโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยการยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์และพาเอาทรัพย์ไปจนเป็นเหตุให้เจ้าทรัพย์ถึงแก่ความตายมี 2 คน การกระทำของคนร้าย 2 คนดังกล่าว จึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคท้าย
เสื้อแจกเกตของคนร้ายที่ทิ้งไว้รวมกับบางส่วนของทรัพย์สินของผู้ตายที่คนร้ายชิงไปถือไม่ได้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นทรัพย์สินที่คนร้ายได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด นอกจากนี้เสื้อดังกล่าวยังมิใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด ศาลจะริบเสื้อดังกล่าวไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 และ340 ตรี, 83
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสุดท้ายจำคุก 30ปี ริบปืนลูกซองพกกระสุนลูกซองและเสื้อแจกเกตของกลางของกลาง นอกจากนี้คืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องและไม่สืบพยานศาลก็ต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจริง ตามพยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้ว่า คนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์และใช้อาวุธปืนยิงนายเฮี่ยงเติ้นผู้ตายในสวนยางที่เกิดเหตุ เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์และพาเอาทรัพย์สินตามฟ้องของนายเชี่ยงเติ้ลผู้ตายไปมีจำนวน 2 คน และมิใช่จำเลย จำเลยเพียงแต่ช่วยวางแผนให้คนร้าย 2 คนดังกล่าว เข้าไปกระทำความผิดในสวนยางและขณะคนร้าย 2 คนดังกล่าวไปกระทำความผิดตามแผนที่วางไว้ จำเลยยืนอยู่นอกสวนยางห่างสวนยางชั่วระยะตะโกนกันได้ยินในช่วงระยะเวลาที่คนร้าย 2 คนดังกล่าวกระทำความผิด นางสาวอัญชลี บุตรนายเชี่ยงเติ้ลผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ผ่านจำเลยเข้าไปในสวนยางที่เกิดเหตุ จำเลยก็มิได้ส่งสัญญาณให้คนร้าย 2 คนดังกล่าวทราบหรือเข้าช่วยคนร้าย 2 คนนั้น คงยืนอยู่เฉยๆ เมื่อคนร้าย 2 คนนั้นกระทำความผิดตามที่วางแผนไว้สำเร็จแล้วคนร้ายคนหนึ่งหลบหนีไปทางอื่น คนร้ายอีกคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์ของนายเชี่ยงเติ้ลผู้ตายผ่านหน้าจำเลยไปแล้ว จำเลยก็กลับบ้านการกระทำของจำเลยดังกล่าวยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับคนร้าย 2 คนนั้น โดยแบ่งหน้าที่กันทำ แต่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่คนร้าย 2 คนดังกล่าวกระทำความผิด จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของคนร้าย 2 คนดังกล่าว เมื่อปรากฏว่าคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ของนายเซี่ยงเติ้นผู้ตายโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยการยิงนายเซี่ยงเติ้นผู้ตายโดยเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์และพาเอาทรัพย์ไปจนเป็นเหตุให้นายเซี่ยงเติ้นถึงแก่ความตายมี 2 คน การกระทำของคนร้าย 2 คนดังกล่าว จึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคท้าย และจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของคนร้าย 2 คนดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 วรรคท้ายนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยต่อกว่าโทษที่ศาลล่างกำหนดนั้นได้พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นสมควรกำหนดโทษจำเลยในเกณฑ์ต่ำตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่พิจารณาได้ความ
ที่ศาลอุทธรณ์ริบเสื้อแจกเกตผ้าร่มสีน้ำเงินของกลางด้วยนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นของคนร้ายและคนร้ายทิ้งไว้รวมกับบางส่วนของทรัพย์สินของนายเซี่ยงเติ้นผู้ตายที่คนร้ายชิงไปก็ถือไม่ได้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นทรัพย์สินที่คนร้ายได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดนอกจากนี้เสื้อดังกล่าวยังมิใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด ศาลฎีกาจึงเห็นว่าศาลจะริบเสื้อดังกล่าวไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคท้ายประกอบด้วยมาตรา 86 จำคุก 33 ปี 4 เดือน ลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 16 ปี 8 เดือน คืนเสื้อแจกเกตผ้าร่มสีน้ำเงินแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share