คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2114/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อายุความฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าหรือสิ่งของที่ขนส่ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 624 ที่บัญญัติว่า “ในข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้านั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่ส่งมอบหรือปีหนึ่งนับแต่วันที่ควรจะได้ส่งมอบ เว้นแต่ในกรณีที่มีการทุจริต” เมื่อเรือเดินทะเลชื่อโพเรอขนส่งแผ่นเหล็กม้วนจำนวน 150 ม้วน ซึ่งเป็นของที่บริษัท อ. เอาประกันภัยไว้กับโจทก์มาถึงประเทศไทยมีการขนถ่ายสินค้าดังกล่าวจากเรือเดินทะเลชื่อโพเรอไปส่งยังโกดังของบริษัท อ. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2539 ในวันรุ่งขึ้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2538 บริษัท ย. ทำการสำรวจแผ่นเหล็กม้วนดังกล่าวพบว่าม้วนเหล็กบุบยุบจำนวน 12 ม้วน จึงแจ้งความเสียหายให้โจทก์ทราบในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2538 นั้นเอง แม้การขนส่งสินค้ารายพิพาทจะมาถึงยังโกดังของบริษัท อ. ผู้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2538 ก็ตาม แต่ก็ยังมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติต่อไปคือการตรวจสอบสินค้าว่าครบจำนวนตลอดจนความเรียบร้อยของสินค้าว่ามีความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดหรือไม่อีกด้วย อันถือว่าเป็นการกระทำปกติทางการค้าในการรับมอบสินค้าที่มีการว่าจ้างให้ขนส่งมา ตราบใดที่ผู้รับสินค้ายังตรวจสอบสินค้าเพื่อรับมอบสินค้าไม่เสร็จสิ้น จะถือว่าได้มีการส่งมอบหรือควรจะได้ส่งมอบสินค้าแล้วหาได้ไม่ เมื่อบริษัท อ. ผู้เอาประกันภัยตรวจสอบและรับมอบสินค้าเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2538 อายุความฟ้องร้องผู้ขนส่งให้รับผิดในกรณีที่ของสูญหายหรือบุบสลาย จึงต้องเริ่มนับแต่วันตรวจสอบและรับมอบสินค้าเสร็จสิ้นดังกล่าวเป็นต้นไป โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2539 ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 624

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๔๓๙,๙๔๖.๔๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๓๘ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๗๐,๑๙๒.๔๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๔๓๙,๙๔๖.๔๕ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ในเรื่องอายุความฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าหรือสิ่งของที่ขนส่งนั้น ป.พ.พ. มาตรา ๖๒๔ บัญญัติว่า “ในข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้านั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่ส่งมอบหรือปีหนึ่งนับแต่วันที่ควรจะได้ส่งมอบ เว้นแต่ในกรณีที่มีการทุจริต” ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยมิได้โต้แย้งกันรับฟังได้ว่า เมื่อเรือเดินทะเลชื่อโพเรอขนส่งแผ่นเหล็กม้วนจำนวน ๑๕๐ ม้วน ซึ่งเป็นของที่บริษัทเอ็น. เอช. เค สตีล จำกัด เอาประกันภัยไว้กับโจทก์มาถึงประเทศไทย มีการขนถ่ายสินค้าดังกล่าวจากเรือเดินทะเลชื่อโพเรอไปส่งยังโกดังของบริษัทเอ็น. เอช. เค. สตีล จำกัด ที่ถนนสุขสวัสดิ์ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ในวันรุ่งขึ้นวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ บริษัทยูไนเต็ด เซอเวย์เยอร์ส แอนด์ แอดจัสเตอร์ส จำกัด ทำการสำรวจแผ่นเหล็กม้วนดังกล่าว พบว่า ม้วนเหล็กบุบยุบจำนวน ๑๒ ม้วน จึงแจ้งความเสียหายให้โจทก์ทราบในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ นั้นเอง แม้การขนส่งสินค้ารายพิพาทจะมาถึงยังโกดังของบริษัทเอ็น. เอช. เค สตีล จำกัด ผู้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ก็ตาม แต่ก็ยังมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติต่อไปคือการตรวจสอบสินค้าว่าครบจำนวน ตลอดจนความเรียบร้อยของสินค้าว่ามีความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดหรือไม่อีกด้วย อันถือว่าเป็นการกระทำปกติทางการค้าในการรับมอบสินค้าที่มีการว่าจ้างให้ขนส่งมา ตราบใดที่ผู้รับสินค้ายังตรวจสอบสินค้าเพื่อรับมอบสินค้าไม่เสร็จสิ้น จะถือว่าได้มีการส่งมอบหรือควรจะได้ส่งมอบสินค้าแล้วหาได้ไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัทเอ็น. เอช. เค. สตีล จำกัด ผู้เอาประกันภัยตรวจสอบและรับมอบสินค้าเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ อายุความฟ้องร้องผู้ขนส่งให้รับผิดในกรณีที่ของสูญหายหรือบุบสลาย จึงต้องเริ่มนับแต่วันตรวจสอบและรับมอบสินค้าเสร็จสิ้นดังกล่าวเป็นต้นไป โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ยังไม่พ้นกำหนด ๑ ปี คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา ๖๒๔…
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share