คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2107/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินไปจากโจทก์ โดยจำเลยที่ 3 สามีของจำเลยที่ 1ลงลายมือชื่อในหนังสือให้ความยินยอม ซึ่งมีข้อความว่าตนยินยอมให้จำเลยที่ 1ทำนิติกรรมทุกอย่างกับโจทก์ได้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 3 ร่วมรับรู้หนี้ที่จำเลยที่ 1ก่อให้เกิดขึ้นและให้สัตยาบันในหนี้ดังกล่าว จึงเป็นหนี้ร่วมซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องรับผิดร่วมกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 160,427.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 120,026.11 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินน.ส. 3 ก. เลขที่ 1728 ตำบลเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์หากได้เงินไม่พอชำระ ขอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ

จำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 160,427.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 120,026.11 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ชำระ ให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 1728 ตำบลเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 และที่ 2 บังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบกับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม2538 จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินจำนวน 200,000 บาท ไปจากโจทก์ ตามสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.4 มีจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5 และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อให้ความยินยอมในการที่จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมทุกอย่างกับโจทก์ตามหนังสือให้ความยินยอมเอกสารหมาย จ.7 หลังจากทำสัญญากู้เงินดังกล่าวจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตามสัญญา คิดถึงวันฟ้องคงค้างชำระต้นเงินจำนวน 120,026.11 บาท ดอกเบี้ยจำนวน 40,401.08 บาท รวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งสิ้น 160,427.19 บาท ตามบันทึกรายการเอกสารหมาย จ.8

คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าจำเลยที่ 3เป็นลูกหนี้ร่วมต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 3เป็นสามีของจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อให้ความยินยอมในหนังสือให้ความยินยอมเอกสารหมาย จ.7 ซึ่งมีข้อความว่าจำเลยที่ 3 ยินยอมให้จำเลยที่ 1 คู่สมรสของจำเลยที่ 3 ทำนิติกรรมทุกอย่างกับโจทก์ได้ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมรับรู้หนี้ที่จำเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้นตามสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.4 และจำเลยที่ 3 ได้ให้สัตยาบันในหนี้ดังกล่าว หนี้ตามสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.4 จึงเป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490(4) ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกันต่อโจทก์ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินจำนวน 160,427.19 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 120,026.11 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share