คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดส่งมอบโรงภาพยนตร์คืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ยกฟ้องจำเลยร่วม จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงปิดโรงภาพยนตร์ตามหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยร่วมร้องเข้ามาในคดีขอให้เปิดโรงภาพยนตร์ โดยอ้างว่าเป็นของจำเลยร่วม ไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยได้ จำเลยร่วมแถลงว่าตนไม่ใช่เจ้าของ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงภาพยนตร์ไม่เป็นยุติมิให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอดังกล่าวได้

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่ห้างหุ้นส่วนจำกัดขอนแก่นเนรมิตจำเลยและบริวารออกจากอาคารโรงภาพยนตร์เพชรสยาม ขอนแก่นที่เช่าให้ชำระค่าเช่าที่ค้าง โจทก์ขอให้ศาลเรียกนาเนรมิตรในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ในที่สุดศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร้อมบริวารออกจากอาคารโรงภาพยนตร์เพชรสยามขอนแก่นและส่งคืนโจทก์ใน สภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างส่วนคำขออื่นให้ยก คดีถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นออกคำบังคับสั่งให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา ครบกำหนดจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของจำเลย โจทก์แถลงขอเข้าปิดโรงภาพยนตร์ ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและออกหมายให้ปิดโรงภาพยนตร์ไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการปิดโรงภาพยนตร์ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๒๐
ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของนายเนรมิตรลูกหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลว่านายเนรมิตรลูกหนี้ในฐานะส่วนตัวถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว กิจการโรงภาพยนตร์เพชรสยามขอนแก่น เป็นของส่วนตัวของนายเนรมิตรลูกหนี้ไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดขอนแก่นเนรมิตรจำเลย แม้ว่าโจทก์จะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินและกิจการโรงภาพยนตร์มิใช่ของนายเนรมิตรลูกหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นทรัพย์สินซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจเอามาชำระหนี้ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๙(๓) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๑๐ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวขอให้ศาลมีคำสั่งเป็นการด่วน ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเปิดโรงภาพยนตร์เพชรสยาม ขอนแก่น เพื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะได้ดำเนินการตามกฎหมาย
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านหลายประการ
ศาลชั้นต้นให้งดการไต่สวนและมีคำสั่งให้ยกคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนเป็นการด่วน แล้วพิจารณามีคำสั่งตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อที่โจทก์ฎีกาว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิร้องขอเข้ามาในคดีเพราะนายเนรมิตรลูกหนี้มิได้ถูกศาลพิพากษาให้รับผิดตามฟ้องดังนี้ เห็นว่าคดีนี้ศาลมิได้บังคับเอาแก่ทรัพย์สินของนายเนรมิตรลูกหนี้ กรณีไม่ต้องตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๐ แต่เป็นเรื่องนายเนรมิตรลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักทรัพย์ ซึ่งเป็นผลให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเข้ายึดทรัพย์สินอันอาจนำมาแบ่งได้ในคดีล้มละลาย จัดการเก็บรวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สินซึ่งจะตกได้แก่ลูกหนี้ รวมทั้งฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ ดังที่บัญญัติไว้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๙, ๒๒, ๑๐๙ พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๗ เมื่อหมายห้ามให้ปิดโรงภาพยนตร์ของศาลชั้นต้นมีผลให้ปิดกิจการโรงภาพยนตร์อยู่ในตัว หากกิจการโรงภาพยนตร์เป็นทรัพย์สินของนายเนรมิตรลูกหนี้หรือเป็นทรัพย์สินซึ่งอาจเอามาชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลาย กรณีย่อมปรับได้ว่าเป็นเรื่องศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อการบังคับคดีตามคำพิพากษา คือบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของบุคคลอื่นหรือทรัพย์สินซึ่งตกอยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย อันเป็นการไม่ชอบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของนายเนรมิตรลูกหนี้ย่อมมีอำนาจยื่นคำของต่อศาลให้มีคำสั่งให้ยกหรือ แก้ไขหมายนั้น คือให้เปิดโรงภาพยนตร์ได้ โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๗ (๒), ๒๙๖ หาใช่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของนายเนรมิตรลูกหนี้ไม่มีสิทธิร้องขอเข้ามาในคดีดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่
ส่วนที่โจทก์ฎีกว่า นายเนรมิตรลูกหนี้แถลงต่อศาลไว้ว่านายเนรมิตรลูกหนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการจัดฉายภาพยนตร์ในที่เช่าของโจทก์ จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น เห็นว่าในการรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจไต่สวนหรือสอบสวนเพื่อหาพยานหลักฐาน เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจมีพยานหลักฐานอย่างอื่นประกอบคดี คำแถลงของนายเนรมิตรลูกหนี้ในชั้นบังคับคดีที่ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการจัดฉายภาพยนตร์ จึงไม่พอฟังเป็นยุติว่ากิจการโรงภาพยนตร์เพชรสยาม ขอนแก่น ไม่ใช่ของนายเนรมิตรลูกหนี้ หรือไม่ใช่ทรัพย์สินซึ่งอาจเอามาชำระหนี้
พิพากษายืน

Share