แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำขอว่าความอย่างคนอนาถาของโจทก์นั้นเป็นแต่คำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ โจทก์ยังอุทธรณ์ไม่ได้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.232 แล้วโจทก์จะต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภายใน 10 วัน นับแต่วันที่ศาลสั่งไม่รับอุทธรณ์ ม.234 อุทธรณ์คำสั่งฉบับแรกของโจทก์แม้จะยื่นภายในอายุความแต่โจทก์หาเสียค่าธรรมเนียมมาไม่ ย่อมถือว่าเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ส่วนอุทธรณ์คำสั่งฉบับที่ 2 ซึ่งโจทก์เสียค่าธรรมเนียมมาแล้วแม้จะถือเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ ์แต่ก็ยื่นเกิน 10 วันนับแต่วันที่ศาลสั่งไม่รับอุทธรณ์แล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จึงเป็นที่สุด โจทก์อุทธรณ์ต่อไม่ได้.
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความชั้นเดิมว่าโจทก์ฟ้องอย่างคนอนาถาในระหว่างที่ศาลไต่สวนคำร้องที่ขอว่าความอย่างคนอนาถาโจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์ไปถอนเงินในดคีแพ่งแดงที่ ๒๐๗/๒๔๙๓ ของศาลแขวงพระนครเหนือเป็นเงินหนึ่งหมื่นบาทมาเสียเป็นค่าธรรมเนียมในคดีนี้ โจทก์ได้ไปถอนเงินมาจากศาลแขวงพระนครเหนือเอามาใช้เป็นค่าธรรมเนียมในคดีนี้เมื่อวันที่ ๒๑ พ.ย.๙๖ ต่อมาวันที่ ๑๓ พ.ย.๙๗ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ วันที่ ๑๓ ธ.ค.๙๗ โจทก์อุทธรณ์และร้องขอว่าความอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันนั้นเองโดยมิได้ไต่สวนคำร้องที่ขอว่าความอย่างคนอนาถาว่า “ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินในคดีของศาลแขวงพระนครเหนือมาเพื่อเสียค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งเสียไปสามพันบาทเศษเท่านั้นยังไม่ถือว่าโจทก์อนาถา ให้นำเงินมาเสียค่าธรรมเนียมศาลภายใน ๒ วัน นับแต่วันนี้ไป “วันที่ ๑๔ ธ.ค.๙๗ โจทก์ยื่นคำร้องอย่างคนอนาถาชี้แจงให้ศาลทราบว่าเงินที่ถอนมาได้ใช้จ่ายหมดไปแล้ว ขอให้ศาลนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาต่อไป ศาลชั้นต้นทำคำสั่งมีใจความว่า ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ต่อมาวันที่ ๑๕ ธ.ค.๙๗ ศาลชั้นต้นสั่งในฟ้องอุทธรณ์ว่า “โจทก์มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมชั้นฟ้องอุทธรณ์มาเสียตามกำหนดที่ศาลสั่งไว้คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ จึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์” ในวันที่ ๑๕ ธ.ค.๙๗ นั้นเองโจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นโดยไม่ได้ปิดค่าธรรมเนียมมาในอุทธรณ์ว่าที่ศาลชั้นต้นด่วนทำคำสั่งโดยยังไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องและฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ฟังคำคู่ความทุกฝ่ายทั้งยังไม่ได้ไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์ผู้ร้องขออนาถานั้นไม่ชอบด้วยป.วิ.แพ่ง ม.๑๕๕ – ๑๕๖ ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของโจทก์ต่อไป ศาลชั้นต้นทำคำสั่งว่า “เมื่อศาลเชื่อว่าโจทก์มิใช่คนยากจนสามารถจะเสียค่าธรรมเนียมได้ และได้สั่งให้นำเงินมาเสียภายในกำหนดแล้วโจทก์หานำเงินมาเสียไม่ เมื่อศาลเชื่อดังกล่าวแล้วไม่ต้องไต่สวนหรือฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ชอบที่จะสั่งได้และเมื่อสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดแล้วคำสั่งนั้นเป็นที่สุด อุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ เมื่อศาลไม่อนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาและโจทก์ไม่นำเงินมาเสียค่าธรรมเนียมนอกจากถือว่าทอดทิ้งคดีแล้วคดีของโจทก์ยังขาดอายุความอุทธรณ์ด้วย จึงไม่เป็นอุทธรณ์คำสั่งแต่ประการใด จึงไม่รับไว้ ต่อมาวันที่ ๑๔ ม.ค.๙๘ โจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นอีก โดยปิดค่าธรรมเนียมมาในอุทธรณ์ด้วย ขอให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่สั่งไต่สวนคำร้องขอว่าความอย่างคนอนาถาและที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง เป็นให้ศาลชั้นต้นสั่งไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์และดำเนินคดีอย่างอนาถา คราวนี้ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นอุทธรณ์ ส่งสำเนาให้จำเลย แล้วส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์โจทก์เสีย
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีนี้แล้เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องว่าความอย่างคนอนาถาของโจทก์นั้นเป็นคำสั่งในเรื่องฤชาค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ โจทก์ยังอุทธรณ์ไม่ได้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๒๗๒ แล้ว โจทก์จะต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันที่ศาลสั่งไม่รับอุทธรณ์ตาม ม.๒๓๔ อุทธรณ์ของโจทก์ฉบับลงวันที่ ๑๕ ธ.ค.๙๗ แม้จะยื่นภายในอายุความแต่โจทก์หาเสียค่าธรรมเนียมไม่ ย่อมเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบดั่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ส่วนอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ ๑๔ ม.ค.๙๘ ซึ่งโจทก์ปิดค่าธรรมเนียม แม้จะถือเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ แต่ก็ยื่นเกิน ๑๐ วันนับแต่วันที่ศาลสั่งไม่รับอุทธรณ์แล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับเป็นอุทธรณ์จึงเป็นที่สุด โจทก์อุทธรณ์ต่อไปไม่ได้ จึงให้ยกฎีกาโจทก์เสีย โดยพิพากษายืน.