แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเพียง1 วันอ้างเหตุว่าด้วยความพลั้งเผลอไม่จงใจประวิงและเอาเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใดปรากฏตามบัญชีระบุพยานว่าเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสารรวมกันเพียง 6 อันดับและเป็นพยานนำ ทั้งโจทก์ได้นำพยานมาศาลในวันนัดเพื่อขอสืบพยานต่อไปตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์แกล้งประวิงและเอาเปรียบจำเลยในทางคดีทั้งการรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายตามคำร้องของโจทก์ก็มีเหตุสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีที่นา 1 แปลง อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลโพนสูง อำเภอปทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แจ้งการครอบครองไว้เนื้อที่ 18 ไร่ แต่เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดสอบเขตแล้ว ปรากฏว่ามีเนื้อที่ 27 ไร่ 3 งาน 54ตารางวา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2518 จำเลยตกลงขายที่นาดังกล่าวให้โจทก์เนื้อที่ 21 ไร่ 2 งาน 79 ตารางวา ราคา 42,500 บาท ต่อมาวันที่2 มิถุนายน 2518 จำเลยไปยื่นเรื่องราวต่ออำเภอ โจทก์จ่ายเงินค่าซื้อที่นาให้จำเลย และจำเลยมอบที่นาให้โจทก์ครอบครอง ตกลงกันว่าเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดและประกาศเสร็จจึงจะโอนกัน แต่เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการเสร็จแล้ว จำเลยบิดพลิ้วจะโอนให้โจทก์เพียง 18 ไร่ โจทก์ไม่ยอมคงพิพาทกันเฉพาะที่นาเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 79 ตารางวาซึ่งมีราคาประมาณ 6,500 บาท ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยโอนที่ให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยตกลงขายที่นาเนื้อที่ 18 ไร่ ให้โจทก์ในราคา42,500 บาท ต่อมาจำเลยไปยื่นเรื่องราวขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์และโอนขายที่นาให้โจทก์และได้รับเงินมัดจำจากโจทก์ 10,000 บาท เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรังวัดปรากฏว่าที่นาของจำเลยมีเนื้อที่ 27 ไร่ 3 งาน 54 ตารางวาโจทก์เห็นว่าที่นาของจำเลยมากจะเอาเป็นเนื้อที่ 21 ไร่ จำเลยไม่ยอม โจทก์จึงไม่จ่ายเงินที่เหลือ จำเลยจึงริบเงินมัดจำ และไม่โอนที่นาให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้วนัดสืบพยานโจทก์ก่อนในวันที่ 16 กันยายน2519 ครั้นวันที่ 15 กันยายน 2519 โจทก์ยื่นคำร้องพร้อมกับยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างว่าด้วยความพลั้งเผลอไม่จงใจประวิงและเอาเปรียบในทางคดีเพื่อประโยชน์แก่ความยุติธรรม ขอให้ศาลโปรดรับบัญชีระบุพยาน ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้รับบัญชีระบุพยานและพิจารณาคดีต่อไป
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานของโจทก์แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน แม้โจทก์ยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบโจทก์นัดแรกเพียง 1 วัน โดยอ้างเหตุในคำร้องว่าด้วยความพลั้งเผลอไม่จงใจประวิงและเอาเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด ปรากฏตามบัญชีระบุพยานว่าเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสารรวมกันเพียง 6 อันดับ และเป็นพยานนำทั้งโจทก์ได้นำพยานมาศาลในวันนัดเพื่อขอสืบพยานต่อไป ตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์แกล้งประวิงและเอาเปรียบจำเลยในทางคดี ทั้งการรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหาย ตามคำร้องของโจทก์ก็มีเหตุสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม เห็นควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์
พิพากษายืน