แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นหญิงมีสามีฟ้องคดีโดยไม่มีหนังสือให้ความยินยอมของสามี จำเลยโต้แย้งอำนาจฟ้อง ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ได้ยื่นหนังสือยินยอมของสามีโจทก์ ให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแล้ว และศาลมีคำสั่งอนุญาต ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์ตามประมวลกฎกมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ นางสาวทัศนีย์ อินทร์สุข บุตรจำเลยได้เช่าที่ดินที่อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ซึ่งโจทก์ถือสิทธิร่วมกับสามี สร้างห้องแถวเลขที่ ๔๐ มีกำหนด ๓ ปี ต่อมานางสาวทัศนีย์ถึงแก่กรรมตึกแถวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยๆ ขอเช่าต่อโดยไม่มีกำหนดเวลา ต่อมา พ.ศ. ๒๕๒๑ โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแต่จำเลยไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป ขอให้ศาลบังคับและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เดือนละ ๓๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี สัญญาเช่ายังไม่เลิกเพราะโจทก์ยังเก็บค่าเช่าอยู่ โจทก์เสียหายไม่เกินเดือนละ ๑๒๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ในชั้นชี้สองสถานโจทก์ติดใจเรียกค่าเสียหายเดือนละ ๑๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนห้องแถวดังกล่าวออกไปจากที่พิพาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๑๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งเรื่องอำนาจฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ จำเลยเป็นคู่สัญญาต้องผูกพันตามสัญญาเช่าซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้ง จำเลยจะโต้แย้งว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะสามีไม่ได้ยินยอมไม่ได้พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏตามสำนวนว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ได้ยื่นหนังสือยินยอมของพันตำรวจตรีประศาสตร์สามีให้ฟ้องคดีต่อศาลแล้วและศาลอนุญาตถือได้ว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๖ แล้ว
พิพากษายืน