คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2092/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจตนารมย์ของบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.มาตรา 286 (2) มุ่งหมายที่จะให้ความคุ้มครองข้าราชการแห่งรัฐที่เลี้ยงชีพด้วยเงินเดือนอันเป็นรายได้ประจำเพียงอย่างเดียวที่แน่นอนตายตัว แต่เงินที่โจทก์ขออายัดเป็นเงินค่าป่วยการรายเดือน และเงินค่าป่วยการประจำตำแหน่งซึ่งเหมาจ่ายเป็นรายเดือนโดยคำนวณจากรายได้จริงตามงบประมาณทั่วไปที่เทศบาลจัดเก็บเองจากภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีป้าย อากรฆ่าสัตว์ ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต ค่าปรับและรายได้จากทรัพย์สินของเทศบาลของปีงบประมาณที่ผ่านมา จึงมีลักษณะไม่คงที่ อาจเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ตามรายได้ของเทศบาล ซึ่งต่างจากเงินเดือนและค่าจ้างของข้าราชการประจำที่มีลักษณะคงที่แน่นอนไม่ผันแปรโดยง่าย ดังนั้นเงินค่าป่วยการรายเดือนและเงินค่าป่วยการประจำตำแหน่งจึงมิได้อยู่ในความหมายของคำว่า “เงินเดือน” ของข้าราชการหรือลูกจ้างของรัฐบาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 286 (2) โจทก์ย่อมขอบังคับคดีได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๒๕๓,๐๔๕.๖๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินค่าป่วยการ ซึ่งมิใช่เงินเดือนจากเทศบาลนครเชียงใหม่ทุกเดือน และให้ส่งเงินอายัดมายังศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์
เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่า เงินค่าป่วยการที่โจทก์ขออายัดไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ไม่อาจอายัดได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๖ (๒)
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงประเด็นเดียวว่า เงินค่าป่วยการที่จำเลยที่ ๑ ได้รับในตำแหน่งเทศมนตรีนครเชียงใหม่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๖ (๒) หรือไม่ เห็นว่า มาตรา ๒๘๖ (๒) ระบุไว้ชัดเจนว่า สิทธิเรียกร้องเป็นเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีในกรณีนี้ได้แก่ “เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ บำเหน็จและเบี้ยหวัดของข้าราชการหรือลูกจ้างของรัฐบาลและเงินสงเคราะห์หรือบำนาญที่รัฐบาลได้จ่ายให้แก่คู่สมรสหรือญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ของบุคคลเหล่านั้น” เจตนารมย์ของบทบัญญัติดังกล่าวมุ่งให้ความคุ้มครองข้าราชการแห่งรัฐที่เลี้ยงชีพด้วยเงินเดือน อันเป็นรายได้ประจำเพียงอย่างเดียวที่แน่นอนตายตัว แต่เงินที่โจทก์ขออายัดในคดีนี้เป็นเงินค่าป่วยการรายเดือนและเงินค่าป่วยการประจำตำแหน่งที่จำเลยที่ ๑ ได้รับจากเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งให้เหมาจ่ายเป็นรายเดือนโดยคำนวณจากรายได้จริงตามงบประมาณทั่วไปที่เทศบาลจัดเก็บเองจากภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีป้าย อากรฆ่าสัตว์ ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต ค่าปรับและรายได้จากทรัพย์สินของเทศบาลของปีงบประมาณที่ผ่านมา จึงมีลักษณะไม่คงที่ อาจเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ตามรายได้ของเทศบาล ซึ่งต่างจากเงินเดือนและค่าจ้างของข้าราชการประจำที่มีลักษณะคงที่แน่นอน ไม่ผันแปรโดยง่าย ดังปรากฏตามพระราชกฤษฎีการะเบียบพนักงานเทศบาล พ.ศ.๒๕๑๙ มาตรา ๑๖ แก้ไขโดยพระราชกฤษฎีการะเบียบพนักงานเทศบาล (ฉบับที่ ๖ ) พ.ศ.๒๕๓๗ มาตรา ๓ ประกอบด้วยบัญชีและหมายเหตุท้ายพระราชกฤษฎีกา จึงเห็นโดยแจ้งชัดและเข้าใจได้ว่าเงินดังกล่าวมิใช่เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ บำเหน็จ และเบี้ยหวัด ตามที่ปรากฏในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๖ (๒) เหตุนี้แม้ตำแหน่งเทศมนตรีที่จำเลยที่ ๑ ดำรงอยู่จะถือว่าเป็นข้าราชการการเมือง แต่เมื่อเงินค่าป่วยการรายเดือนและค่าป่วยการประจำตำแหน่งมิได้อยู่ในความหมาย ของคำว่า ” เงินเดือน” ของข้าราชการหรือลูกจ้างของรัฐบาลดังกล่าวแล้ว โจทก์ย่อมขอบังคับคดีได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยให้อายัดเงินค่าป่วยการรายเดือน และค่าป่วยการประจำตำแหน่งของจำเลยที่ ๑ ไปยังเทศบาลนครเชียงใหม่ ให้ส่งเงินมายังศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์จนครบ

นายชัยยุทธ ศรีจำนงค์ ผู้ช่วย
ร.ท.นิตินาถ บุญมา ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายชีพ จุลมนต์ ผู้ช่วย/ตรวจ

Share