คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดอาญา จำเลยคนหนึ่งรับสารภาพ แต่อีกคนหนึ่งปฏิเสธโจทก์จะขอสืบพะยานว่าจำเลยคนที่ปฏิเสธได้สมคบกับจำเลยที่รับสารภาพกระทำความผิดอาญานั้นก็ได้ ฉะเพาะในความหมายของการสมคบในนัยที่ว่า จำเลยนั้นได้ลงมือกระทำผิดตามฟ้องนั้นเอง เพราะคำว่าสมคบนั้นเป็นคำที่มีความหมายกว้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีภาชนะเครื่องต้มกลั่นสำหรับทำสุราไว้ในครอบครองและทำน้ำสุราขึ้น กับมีน้ำสุราไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ
จำเลยที่ ๑ รับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ปฏิเสธข้อหา
โจทก์แถลงขอสืบพะยานเพื่อแสดงว่าจำเลยที่ ๒ ได้สมคบกับจำเลยที่ ๑ มีเครื่องต้มกลั่นและทำสุรารายนี้
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพะยานแล้วพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ ๑ เงิน ๑๕๐ บาท ส่วนจำเลยที่ ๒ นั้นเห็นว่าโจทก์จะขอสืบเกินจากฟ้องไม่ได้ ให้ยกฟ้องฉะเพาะจำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์จะขอสืบพะยานว่าจำเลยที่ ๒ สมคบกับจำเลยที่ ๑ นั้นไม่ตรงกับฟ้อง จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคำว่า สมคบนั้นเป็นถ้อยคำที่กว้างอาจหมายถึงการที่จำเลยที่ ๒ ได้ลงมือกระทำผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ในการมีเครื่องต้มกลั่นและทำสุรารายนี้ขึ้นดังคำบรรยายฟ้องก็ได้ ถ้าโจทก์นำสืบเช่นนี้ก็ไม่เป็นการเกินฟ้องหรือไม่ตรงกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองเสีย ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

Share