แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฌาปนกิจสงเคราะห์ที่จำเลยแต่ละคนเป็นกรรมการ แต่มิได้จดทะเบียนเป็นสมาคมนั้นถ้าจำเลยรับเงินค่าเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้นจึงถือได้ว่า เป็นเงินที่จำเลยรับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นลาภมิควรได้อย่างหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันจัดตั้งกองการสงเคราะห์ณาปนกิจ มีวัตถุประสงค์จะจ่ายเงินให้แก่สมาชิกเมื่อถึงแก่ความตายโจทก์หลงเชื่อได้เข้าเป็นสมาชิกและได้เสียเงิน 550 บาทให้จำเลยไปต่อมาจำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานตั้งสมาคมโดยมิได้รับอนุญาตจำเลยจึงเลิกล้มกิจการสงเคราะห์ณาปนกิจ โจทก์ขอเงินคืน จำเลยไม่ให้ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นลาภมิควรได้ โจทก์ฟ้องจำเลยเกิน 1 ปี ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
โจทก์จำเลยตกลงท้า กันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อแพ้ชนะกันศาลชั้นต้นจึงสั่งงดสืบพยาน วินิจฉัยว่าเป็นลาภมิควรได้ โจทก์จึงแพ้คดีตามคำท้า พิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกาศาลฎีกาพิพากษาให้ยก และให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อสมาคมณาปนกิจสงเคราะห์วัดสุวรรณารามที่จำเลยในคดีนี้ต่างเป็นกรรมการนั้น มิได้จดทะเบียนโดยชอบด้วยกฎหมาย กิจการที่จำเลยกระทำไปจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลก็ได้พิพากษาลงโทษจำเลยในทางอาญาไปแล้ว ฉะนั้น การที่จำเลยรับเงินค่าเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยจึงไม่มีอำนาจจะรับเงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกจากโจทก์และโจทก์ก็ยังไม่มีหน้าที่ชำระเงินนั้นเช่นเดียวกัน จึงถือได้ว่าจำเลยรับเงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกจากโจทก์ไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เข้าลักษณะลาภมิควรได้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว พิพากษายืน