คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209-210/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การแย่งการครอบครองที่ดินที่มี น.ส.3 ก. แม้ผู้ถูกแย่งการครอบครองจะหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองแล้วก็ตามผู้ถูกแย่งการครอบครองก็ไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมที่จะต้องจดทะเบียนแบ่งแยกให้ จึงฟ้องบังคับขอให้ผู้ถูกแย่งการครอบครองจดทะเบียนให้ไม่ได้

ย่อยาว

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน น.ส.ก จำเลยได้บุกรุกเข้าทำนาของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยออกจากที่นาโจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง หากฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยก็บุกรุกแย่งการครอบครองมา 3-4 ปีแล้ว โจทก์มิได้ฟ้องเรียกคืนภายใน 1 ปี จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

สำนวนหลังจำเลยสำนวนแรกเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์สำนวนแรกเป็นจำเลยเกี่ยวกับที่นาแปลงเดียวกัน อ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมกัน โจทก์ขอให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยก น.ส.3 ก. ที่นาส่วนของโจทก์ จำเลยไม่ยอมแบ่งแยกทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนแบ่งแยก น.ส.3 ก. ให้โจทก์ได้ที่นาด้านทิศเหนือ หากไม่ไปจดทะเบียนก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา

จำเลยให้การว่าที่นาเป็นของจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีสำนวนแรก ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรวมพิจารณาคดีทั้งสองเข้าด้วยกัน โดยเรียกนางแหล่เป็นโจทก์ เรียกนายขันธ์เป็นจำเลย แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินตาม น.ส.3 ก. ให้แก่จำเลยครึ่งหนึ่งแต่ไม่เกินเนื้อที่ดินที่จำเลยครอบครองอยู่หากไม่ไปจดทะเบียนก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา

โจทก์อุทธรณ์ทั้งสองสำนวน

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องคดีหลัง ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับนาพิพาท และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะเลิกเกี่ยวข้องกับนาพิพาท

จำเลยฎีกาทั้งสองสำนวน

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยได้ครอบครองนาพิพาทอ้างว่าเป็นของจำเลยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2518 และเข้าทำประโยชน์มาทุกปีกรณีจึงถือได้ว่าจำเลยเข้าแย่งการครอบครองนาพิพาทจากโจทก์ตั้งแต่ พ.ศ. 2518ไม่มีพฤติการณ์ที่จะฟังว่าการครอบครองของจำเลยเป็นการครอบครองแทนโจทก์ได้นาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2521 เกินกำหนด1 ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง จึงหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ชนะคดี ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา

สำหรับฟ้องของจำเลยสำนวนหลังขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนแบ่งแยกที่ดิน น.ส.3 ก. ตามฟ้องให้ที่นาพิพาทเป็นของจำเลย เห็นว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมที่จะต้องจดทะเบียนแบ่งแยกให้ จึงบังคับโจทก์ตามคำขอของจำเลยมิได้ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องสำนวนหลัง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เสียด้วย

Share