แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยด่าโจทก์ซึ่งหน้าว่า ‘อีหมาไปควักเอากระดูกพ่อกระดูกแม่มึงเจ็ดชั่วโคตรมาสู้กับกู อีหน้าหมูอีหน้าหมา’ นั้น เป็นถ้อยคำที่จำเลยดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกล่าวดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้าและขู่เข็ญโจทก์โดยกล่าวว่า “มึงเก่งมึงไปฟ้องกูไปโลดอีหมา ไปควักเอากระดูกพ่อกระดูกแม่มึงมาสักเจ็ดชั่วโคตรมาสู้กับกู กูไปเขียนสัญญาอยู่ร่มไม้ อยู่โรงเรียนสิเป็นหยังกับกู อีหน้าหมูอีหน้าหมาเอ๊ยมึงอยากเป็นความกับกู กูสิเตะมึงคอขาดเดี๋ยวนี้ก็ได้ กูนี่แหละสิเตะมึงให้ตาย กูสิยกเก้าอี้ทุ่มหัวมึงเดี๋ยวนี้ ให้มันได้ไปว่าความที่ประเทศอเมริกา มึงระวังให้ดีกูสิเอามึงให้ตาย” ทำให้โจทก์ได้รับความอับอายเสียชื่อเสียงและตกใจกลัวคำขู่เข็ญของจำเลยขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๒, ๓๙๓
ศาลชั้นต้นไต่สวน สั่งมีมูลคดีเฉพาะความผิดตามมาตรา ๓๙๓พิพากษาปรับจำเลย ๑๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า คำด่านั้นไม่เป็นการหมิ่นประมาท ไม่เกิดความเสียหายหรือเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด จึงเป็นแค่คำหยาบเท่านั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า เดิมจำเลยเป็นผู้เขียนสัญญาขายนาของมารดาโจทก์ให้นายจำปา ต่อมาโจทก์จะเอานาคืน โจทก์ไปอำเภอในวันเกิดเหตุโจทก์ไปแลกธนบัตรที่ร้านมีบุคคลอื่นอยู่ด้วย จำเลยถามโจทก์ว่าไปเมืองมาหรือ โจทก์ว่าไปแล้ว ที่ดินไม่อยู่ฝากเรื่องไว้กับนายอำเภอ จำเลยว่าอีจันทร์มึงเก่งจริงมึงไปฟ้องกู โจทก์ว่าไม่ได้ฟ้อง โจทก์ไปเรื่องของโจทก์ต่างหาก จำเลยก็ด่าโจทก์ว่า ไปเลยอีหมา ไปควักเอากระดูกพ่อกระดูกแม่สักเจ็ดชั่วโคตรมาสู้กับกู กูไปเขียนสัญญาอยู่โรงเรียนก็จะเป็นหยังกู มึงมาเป็นความกับกู กูจะเตะให้มึงคอขาดเดี๋ยวนี้ก็ได้ กูจะเตะให้มึงตาย จะยกเก้าอี้ตีหัวมึงก็ได้ ให้ได้ไปว่าความกันที่ประเทศอเมริกา มึงระวังให้ดีกูจะเอามึงให้ตาย ดังนี้จึงเห็นว่าถ้อยคำที่จำเลยด่าโจทก์ว่า”อีหมาไปควักเอากระดูกพ่อกระดูกแม่มึงสักเจ็ดชั่วโคตรมาสู้กับกูอีหน้าหมูอีหน้าหมา” นั้น ไม่เป็นแต่เพียงถ้อยคำที่หยาบคายไม่สุภาพเท่านั้น แต่เป็นถ้อยคำที่จำเลยดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้า ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓
พิพากษายืน