คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20875/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ห้องแถวพิพาทที่ถูกยึดนำออกขายทอดตลาดเป็นทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวร จึงเป็นอสังหาริมทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 139 แม้ที่ดินที่สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวตั้งอยู่จะเป็นของกรมป่าไม้ ก็หาทำให้สิ่งปลูกสร้างนั้นกลับกลายเป็นสังหาริมทรัพย์ไม่ ส่วนที่ประกาศขายทอดตลาดระบุให้ผู้ซื้อทรัพย์รื้อหรือติดต่อเจ้าของที่ดินก็เป็นเรื่องที่ผู้ซื้อทรัพย์จะเลือกดำเนินการ หาเกี่ยวข้องกับจำเลยไม่ การออกคำบังคับให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาและบริวารออกไปจากอสังหาริมทรัพย์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ตรี ชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 844,160.13 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี ของต้นเงิน 800,769.53 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด โดยนางสาวรัชนีกร เป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2552 ต่อมาผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องขอให้ออกคำบังคับให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาและบริวารออกไปจากอสังหาริมทรัพย์ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยพร้อมด้วยบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากสิ่งปลูกสร้างอาคารห้องแถวเลขที่ 189/1 – 5 หมู่ที่ 2 ตำบลคลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
จำเลยยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้อง ขอให้ศาลเพิกถอนคำบังคับ
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง และให้จำเลยปฏิบัติตามคำบังคับ
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ซื้อทรัพย์มีสิทธิในการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากสิ่งปลูกสร้างห้องแถวเลขที่ 189/1 – 5 หมู่ที่ 2 ตำบลคลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลล่างทั้งสองออกคำบังคับให้จำเลยและบริวารออกไปจากอสังหาริมทรัพย์นั้น ชอบหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่าสิ่งปลูกสร้างห้องแถวชั้นเดียวจำนวน 5 ห้อง ของจำเลยปลูกอยู่บนที่ดินของกรมป่าไม้และเจ้าพนักงานบังคับคดีนำสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกขายทอดตลาดอย่างสังหาริมทรัพย์โดยระบุไว้ในประกาศขายทอดตลาดด้วยว่า ผู้ใดซื้อได้ให้รื้อถอนไป ผู้ซื้อทรัพย์ทราบเงื่อนไขดังกล่าวแล้วจึงต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไป ไม่มีสิทธิขอให้ศาลออกคำบังคับให้จำเลยออกไปจากสิ่งปลูกสร้างพิพาทนั้น เห็นว่า สิ่งปลูกสร้างห้องแถวชั้นเดียวจำนวน 5 ห้อง เป็นทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวร จึงเป็นอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 139 แม้ที่ดินที่สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวตั้งอยู่จะเป็นของกรมป่าไม้ ก็หาทำให้สิ่งปลูกสร้างนั้นกลับกลายเป็นสังหาริมทรัพย์ไม่ ส่วนที่ประกาศขายทอดตลาดระบุให้รื้อหรือติดต่อเจ้าของที่ดินก็เป็นเรื่องที่ผู้ซื้อทรัพย์จะเลือกดำเนินการหาเกี่ยวข้องกับจำเลยแต่อย่างใดไม่ ประการสำคัญที่สุดไม่ว่าผู้ซื้อทรัพย์จะเลือกดำเนินการเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างนี้ด้วยวิธีการใดตามประกาศขายทอดตลาดดังกล่าว ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่จำเลยที่จะอยู่ในสิ่งปลูกสร้างอีกต่อไป การออกคำบังคับให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาและบริวารออกไปจากอสังหาริมทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ตรี ของศาลล่างทั้งสองนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น อนึ่ง ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งค่าฤชาธรรมเนียม ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share