คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาหมั้น เรียกค่าทดแทนความเสียหายจากจำเลย 26,050 บาทจำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหาย 4,320 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ 1,220 บาท โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ แม้ในชั้นฎีกา คดีจะมีทุนทรัพย์ 3,100 บาท แต่จำนวนทุนทรัพย์แห่งคดีที่จะพิจารณาว่าโจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทในศาลชั้นต้น มิใช่ถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา เมื่อคดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในศาลชั้นต้นจำนวน 26,050 บาท โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2518)
ค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกในวันแต่งงาน ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเงินสด 5,000 บาท มาหมั้นโจทก์ที่ 2 ต่อโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นมารดาผู้ปกครอง โดยกำหนดพิธีสมรสในวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีเดียวกัน โจทก์ทั้งสองตระเตรียมการงานต่าง ๆ เพื่อการสมรสไว้แล้วตามที่จำเลยนัดหมาย แต่จำเลยไม่มาสมรสกับโจทก์ที่ 2 ถือว่าจำเลยผิดสัญญาหมั้น ทำให้โจทก์เสียหายคือ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่โจทก์ที่ 1 เตรียมการสมรส 6,050 บาทและโจทก์ที่ 2เสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียง 20,000 บาท ขอให้จำเลยชำระพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญาหมั้น โจทก์ไม่เสียหาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหาย 4,320 บาทพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายแก่โจทก์ 1,220 บาท พร้อมดอกเบี้ย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาหมั้นเรียกค่าทดแทนความเสียหายจากจำเลย จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทนความเสียหาย 4,320 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายแก่โจทก์ 1,220 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในชั้นฎีกา คดีจึงมีทุนทรัพย์ 3,100 บาท โจทก์ฎีกาว่าค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกในวันแต่งงาน 1,100 บาท เป็นค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้จ่ายไปเนื่องในการเตรียมการสมรสโดยแท้จริง และการที่จำเลยไม่มาทำการสมรสกับโจทก์ที่ 2 ทำให้โจทก์ที่ 2 ได้รับความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงและได้รับความอับอายมากชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย มีปัญหาต้องวินิจฉัยเบื้องต้นว่า โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าจำนวนทุนทรัพย์แห่งคดี ให้ถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทในศาลชั้นต้นมิใช่ถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในศาลชั้นต้นจำนวน 26,050 บาท ดังนั้นโจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้

สำหรับปัญหาข้อเท็จจริง คดียุติฟังได้ว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้นจริง โจทก์ฎีกาเรียกร้องค่าทดแทนเฉพาะค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกกับค่าทดแทนความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงของโจทก์ที่ 2 เท่านั้น แล้ววินิจฉัยว่า ค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกในวันแต่งงานไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(2) ส่วนค่าทดแทนความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงของโจทก์ที่ 2 กำหนดให้จำเลยชำระอีก 2,000 บาท

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงอีก 2,000 บาท แก่โจทก์ที่ 2 นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share