คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081-2082/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์ออกหมายจับ ศาลอุทธรณ์สั่งให้ยกคำร้องเสียโจทก์ฎีกาขึ้นมาได้โดยที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำหน่ายคดีนั้น เพราะไม่ใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2498)
การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่คู่ความนั้นเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้น(อ้างฎีกาที่ 130/2482) โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้ออกหมายจับ
มาตรา 207 ไม่ใช่บทบังคับศาลอุทธรณ์ เพียงแต่ให้อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งแล้วแต่กรณี ศาลฎีกาจะสั่งกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ให้ศาลอุทธรณ์สั่งศาลชั้นต้นออกหมายจับอีกต่อหนึ่งนั้นไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ฐาน ฆ่าคนโดยเจตนาและศาลได้สั่งให้รวมพิจารณากับอีกคดีหนึ่งซึ่งโจทก์ฟ้องนายแล่มสิงห์ทองเป็นจำเลยฐานช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นอาญา คดีได้ความว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ แต่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้สั่งให้ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยทั้งสี่ในคดีแรก ศาลอุทธรณ์สั่งว่า การส่งสำเนาอุทธรณ์เป็นหน้าที่ศาลชั้นต้น จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้สั่งกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์สั่งศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยทั้งสี่

ศาลฎีกาประชุมใหญ่แล้วเห็นว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 และศาลฎีกาเห็นว่าการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้นเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้นโจทก์ชอบที่จะขอหมายจับต่อศาลชั้นต้น (อ้างฎีกาที่ 130/2482) ตามมาตรา 207 มิได้บังคับศาลอุทธรณ์เป็นแต่ให้อำนาจใช้ดุลยพินิจได้เท่านั้นกรณีนี้เป็นเรื่องขอหมายจับเพื่อให้มารับสำเนาอุทธรณ์ โจทก์จะขอให้ศาลฎีกาสั่งกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์สั่งศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยเพราะเหตุที่ไม่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์นั้นไม่ชอบ จึงพิพากษายืน

Share