แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งบรรจุกระสุนพร้อมยิงเจ้าพนักงานตำรวจในระยะกระชั้นชิด 3 นัด แต่กระสุนปืนไม่ลั่น มีรอยตำหนิที่จานท้ายกระสุนปืนซึ่งเกิดจากเข็มแทงชนวนของอาวุธปืนกระทบ เช่นนี้ ถือได้ว่า จำเลยกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบด้วยมาตรา 80
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .22 ใช้ยิงได้ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานหนึ่งกระบอก และกระสุนปืนลูกกรด ขนาด .22 จำนวน5 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กับจำเลยพกพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และจำเลยได้ร่วมกับพวกใช้อาวุธปลายแหลมแบบกรรไกรแทง และใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายจำรูญ น้อยมาก ได้รับอันตรายสาหัส เมื่อสิบตำรวจเอกสอาด อนุโลม เข้าจับกุมจำเลยอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงสิบตำรวจเอกสอาด อนุโลม โดยเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนไม่ถูก เจ้าพนักงานจับจำเลยได้และยึดอาวุธปืน1 กระบอก กระสุนปืนที่ยิงแล้วแต่กระสุนไม่ลั่น 3 นัด ปลอกกระสุนปืนที่ใช้ยิงแล้ว 2 ปลอกที่จำเลยใช้กระทำผิดเป็นของกลาง ก่อนคดีนี้ จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษซึ่งจำเลยกระทำผิดในขณะที่มีอายุเกินกว่า 17 ปี และจำเลยพ้นโทษแล้วภายในเวลา 5 ปี กลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 297, 138, 140, 288, 289, 80, 92,83, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 3 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับเรื่องเคยต้องโทษและพ้นโทษ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 297, 138, 140, 288, 289, 80, 92, 93(ที่ถูกมาตรา 83) พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 3 ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่านายจำรูญ น้อยมก ผู้เสียหายซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 12 ปี ลงโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกตลอดชีวิต แต่ให้เปลี่ยนเป็นจำคุก 50 ปี ลงโทษฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน และลงโทษฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ปรับ 100 บาท เพิ่มโทษตามมาตรา 92 หนึ่งในสามเป็นจำคุกตามมาตรา 288, 80 มีกำหนด 16 ปี จำคุกตามมาตรา 289, 80 มีกำหนด 66 ปี 8 เดือน ฐานมีอาวุธปืนมีกำหนด 8 เดือน จำเลยรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกฐานมีอาวุธปืน 4 เดือน ปรับฐานพกพาอาวุธปืน 50 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 83 ปี ปรับ 50 บาท ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 คงจำคุกฐานพยายามฆ่านายจำรูญ น้อยมาก ผู้เสียหายมีกำหนด 8 ปี จำคุกฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานมีกำหนด 33 ปี 4 เดือน รวมโทษจำคุกสองฐานนี้ 41 ปี 4 เดือน เพิ่มโทษตามมาตรา 92 หนึ่งในสาม คงจำคุก 55 ปี 1 เดือน 10 วัน สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 เดือน เพิ่มโทษตามมาตรา 92 หนึ่งในสาม เป็นจำคุก 5 เดือน 10 วัน ลดฐานรับสารภาพตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน 20 วัน รวมเป็นโทษทั้งหมดจำคุก 55 ปี 6 เดือน 20 วัน (ที่ถูกรวมแล้วต้องเป็นโทษจำคุก 55 ปี 4 เดือน) ปรับ 50 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่า การที่กระสุนปืนไม่ลั่นเพราะเข็มแทงชนวนไม่แรงพอหรือเข็มแทงชนวนแทงไม่ถูกตำแหน่งแก๊ป ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เพราะเหตุอาวุธปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดไม่แข็งแรงพอ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81 ซึ่งให้ลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งบรรจุกระสุนปืนยิงสิบตำรวจเอกสอาดในระยะกระชั้นชิด 3 นัด แต่กระสุนปืนไม่ลั่น โดยมีรอยตำหนิที่จานท้ายกระสุนปืนซึ่งเกิดจากเข็มแทงชนวนของอาวุธปืนกระทบเช่นนี้ถือได้ว่า การกระทำไม่บรรลุผล จึงเป็นพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ซึ่งต่างกับอาวุธปืนที่ไม่บรรจุกระสุนปืน หรือปืนที่ใช้ยิงไม่ได้ซึ่งเป็นปัจจัยที่ใช้ไม่สามารถบรรลุผลอย่างแน่แท้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลยโดยรวมเป็นโทษจำคุกจำเลยทั้งหมด 55 ปี 6 เดือน 20 วัน นั้นไม่ถูกต้องที่ถูกรวมแล้วต้องเป็นโทษจำคุก 55 ปี 4 เดือน
พิพากษาแก้เป็นว่า รวมเป็นโทษจำคุกจำเลยทั้งหมด 55 ปี 4 เดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์