คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2078/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บัญชีระบุพยานโจทก์ได้ระบุอ้างพ. เป็นพยานประเด็นไว้แล้วในการขออนุญาตส่งประเด็นไปสืบพ.ที่ศาลแพ่งทนายโจทก์แถลงว่า หากพยานย้ายไปอยู่ในเขตอำนาจศาลอื่นขอให้ศาลแพ่งช่วยส่งประเด็นต่อไปสืบให้ด้วย ทนายจำเลยแถลงไม่คัดค้าน การที่ศาลชั้นต้นตั้งให้ศาลแพ่งสืบพยานหลักฐานแทนนั้น ศาลแพ่งย่อมมีอำนาจที่จะตั้งศาลชั้นต้นอื่นให้ทำการสืบพยานหลักฐานแทนต่อไปได้ด้วย หากปรากฏว่าพ.ได้ย้ายไปประจำที่โรงพยาบาลในศาลชั้นต้นนั้นแล้ว ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 102 วรรคสอง โดยโจทก์ไม่ต้องแก้ไขบัญชีระบุพยานให้เป็นที่ยุ่งยากเสียเวลาอีก ข้อค้านเรื่องผิดระเบียบ คู่ความต้องยกขึ้นกล่าว ไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์ อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน เมื่อล่วงเลยเวลาที่จำเลยอาจจะยกขึ้นว่ากล่าวได้เสียแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 452,468 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 422,468 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และชำระค่าเสียหายวันละ 100 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปเป็นเวลา 15 ปี
จำเลยให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 144,384 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2536 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายประการแรกว่า ศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้มีคำสั่งให้ส่งประเด็นไปสืบ นายแพทย์พรณรงค์ ศรีม่วงตามบัญชีระบุพยานโจทก์เพิ่มเติม ที่ศาลแพ่ง แต่ศาลแพ่งได้ส่งประเด็นไปสืบนายแพทย์พรณรงค์ที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีโดยโจทก์ไม่ได้แก้ไขบัญชีระบุพยานและมิได้ขออนุญาตศาลจังหวัดปราจีนบุรีไปสืบพยาน ณ ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี โจทก์จึงไม่มีอำนาจนำประเด็นไปยังศาลจังหวัดสุพรรณบุรีได้นั้น เห็นว่า บัญชีระบุพยานโจทก์ได้ระบุอ้างนายแพทย์พรณรงค์เป็นพยานประเด็นไว้แล้ว ในการขออนุญาตส่งประเด็นไปสืบนายแพทย์พรณรงค์ที่ศาลแพ่ง ทนายโจทก์แถลงด้วยว่า หากพยานย้ายไปอยู่ในเขตอำนาจศาลอื่นขอให้ศาลแพ่งช่วยส่งประเด็นต่อไปสืบให้ด้วย ซึ่งศาลจังหวัดปราจีนบุรีสอบทนายจำเลยแล้วแถลงไม่คัดค้าน ในการที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรีตั้งให้ศาลแพ่งสืบพยานหลักฐานแทนได้นั้น ศาลแพ่งย่อมมีอำนาจที่จะตั้งศาลจังหวัดสุพรรณบุรีให้ทำการสืบพยานหลักฐานแทนต่อไปได้ด้วยหากปรากฏว่านายแพทย์พรณรงค์ได้ย้ายไปประจำที่โรงพยาบาลในจังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 102 วรรคสอง โดยโจทก์ไม่ต้องแก้ไขบัญชีระบุพยานให้เป็นที่ยุ่งยากเสียเวลาอีกแต่อย่างใด
ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายประการสุดท้ายว่า การฟังประเด็นกลับเป็นเรื่องที่ศาลนัดคู่ความมาศาลเพื่อฟังผลของการส่งประเด็นเพื่อสืบพยานต่างศาล การที่คู่ความฝ่ายใดมาศาล จึงไม่ถือว่าเป็นการขาดนัดพิจารณาของศาลและเมื่อจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้วจำเลยย่อมนำพยานเข้าสืบสู้คดีโจทก์ได้หากศาลชั้นต้นมีหมายแจ้งให้จำเลยทราบ ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มาศาลในวันนัดฟังประเด็นกลับ ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานคดีเสร็จการพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษาโดยไม่ได้รับฟังพยานจำเลย จำเลยจึงไม่เห็นพ้องด้วยนั้นเห็นว่า กรณีเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่งซึ่งตามวรรคสอง ข้อค้านเรื่องผิดระเบียบนั้น จำเลยต้องยกขึ้นกล่าวไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นปรากฏว่าจำเลยได้รับหมายนัดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2539 ให้ไปฟังคำพิพากษาแต่ทนายจำเลยเพิ่งยื่นคำร้องคัดค้านเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2539 จึงล่วงเลยเวลาที่จำเลยอาจจะยกขึ้นว่ากล่าวได้เสียแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share