คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2078/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

รถชนกันเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2519 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2520 โดยวันที่ 27 มีนาคม 2520 ตรงกับวันอาทิตย์ และจำเลยที่ 1 ได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกจำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่เกิดเหตุเข้ามาในคดีเพื่อให้ร่วมรับผิดเมื่อเกินกำหนด 1 ปีนับแต่วันละเมิดเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ยเพราะจำเลยร่วมจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยจะนำบทบัญญัติ มาตรา 448 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นเรื่องการใช้สิทธิเรียกร้องของผู้ต้องเสียหายในมูลละเมิดซึ่งมีอายุความ 1 ปี มาบังคับไม่ได้คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยร่วมฎีกาปัญหาข้อกฎหมายประการเดียวว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายโดยอาศัยมูลละเมิดโจทก์ทราบมาแต่วันทำละเมิดแล้วว่า จำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 1 แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความในคดีเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2519 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2520 โดยวันที่ 27 มีนาคม 2520 ตรงกับวันอาทิตย์และจำเลยที่ 1 ได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกจำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่เกิดเหตุเข้ามาในคดีเพื่อให้ร่วมรับผิดเมื่อเกินกำหนด 1 ปีนับแต่วันละเมิด ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 เป็นเรื่องการใช้สิทธิเรียกร้องของผู้ต้องเสียหายในมูลละเมิด ซึ่งมีอายุความ 1 ปี แต่จำเลยที่ 1 ขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ยเพราะจำเลยร่วมจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย จะนำบทบัญญัติตามมาตรา 448 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับไม่ได้ คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ”

พิพากษายืน

Share