คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อตกลงการชำระราคาสินค้าพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยตามที่ระบุไว้ในใบส่งของว่าต้องชำระภายใน 45 วัน นับแต่วันส่งมอบสินค้า โจทก์ส่งมอบสินค้าครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2540 และครั้งหลังเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2540 จำเลยจึงต้องชำระราคาครั้งแรกในวันที่ 20 มีนาคม 2540 และครั้งหลังในวันที่ 17 สิงหาคม 2540 จึงเป็นหนี้ที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เมื่อจำเลยมิได้ชำระตามกำหนด ถือได้ว่าจำเลยผิดนัดโดยโจทก์มิพักต้องเตือนอีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 204 วรรคสอง จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระนับแต่วันครบกำหนด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าที่ค้างชำระ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 511,460 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ไม่ได้ซื้อสินค้าจากโจทก์ โจทก์คำนวณดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง จำเลยยังไม่ได้ผิดนัดและโจทก์ไม่ได้ทวงถามจึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 511,460 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 2,345,400 บาท (ที่ถูกต้องเป็น 235,400 บาท) นับแต่วันที่ 20 มีนาคม 2540 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ดอกเบี้ยดังกล่าวคิดถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 25 พฤศจิกายน 2540) ให้ไม่เกิน 13,241.25 บาท และจากต้นเงิน 276,060 บาท นับแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยดังกล่าวคิดถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน 6,901.50 บาท และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 7,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว

ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือทวงถามของโจทก์ จึงถือไม่ได้ว่า จำเลยผิดนัด จำเลยจึงยังไม่ต้องชำระดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดนั้น เห็นว่า มีข้อตกลงการชำระราคาสินค้าพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยตามที่ระบุไว้ในใบส่งของเอกสารหมาย จ.4และ จ.5 ว่าการชำระเงินต้องชำระภายใน 45 วัน นับแต่วันส่งมอบสินค้า เมื่อโจทก์ส่งมอบสินค้าครั้งแรกตามใบส่งของเอกสารหมาย จ.4 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2540 ครั้งหลังตามใบส่งของเอกสารหมาย จ.5 วันที่ 3 กรกฎาคม 2540 จำเลยจึงต้องชำระราคาครั้งแรกในวันที่ 20 มีนาคม 2540 และครั้งหลังในวันที่ 17 สิงหาคม 2540 จึงเป็นหนี้ที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ตามวันแห่งปฎิทิน เมื่อจำเลยมิได้ชำระหนี้ตามกำหนด จึงถือได้ว่าจำเลยผิดนัดโดยโจทก์มิพักต้องเตือนอีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระนับแต่วันครบกำหนดฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยนอกจากนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่มีผลทำให้คำวินิจฉัยของศาลเปลี่ยนแปลงไปศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,000 บาท แทนโจทก์

Share