คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ชนิดเม็ด จำนวน 9,300 เม็ด ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้น เป็นจำนวนเดียวกัน ส่วนเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงจำนวน 7 ถุงนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ชนิดเม็ดผลิตโดยใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์อัดเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงให้เป็นเม็ด ขณะเจ้าพนักงานเข้าทำการจับกุมปรากฏว่าเครื่องจักรผลิตยากำลังทำงานอยู่ ดังนั้น เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงดังกล่าว จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อผลิตเป็นชนิดเม็ดเพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๓, ๖๒, ๘๙, ๑๐๖, ๑๑๖ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓, ๙๑ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง, ๘๙ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ฐานผลิตจำคุกคนละ ๑๕ ปี ฐานมีไว้เพื่อขายจำคุกคนละ ๑๕ ปี รวมจำคุกคนละ ๓๐ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบางส่วน ลดโทษให้หนึ่งในสามจำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพชั้นจับกุม มีประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๒๐ ปี จำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๒๒ ปี ๖ เดือน ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง, ๖๒ วรรคหนึ่ง, ๘๙, ๑๐๖ ให้ลงโทษฐานผลิตตามมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง, ๘๙ อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุกคนละ ๑๕ ปี ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ หนึ่งในสาม จำเลยที่ ๒ หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๑๐ ปี จำเลยที่ ๒ ไว้ ๑๑ ปี ๓ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกับนายประทีป นึกถึง และพวกผลิตเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนที่ได้ผลิตขึ้น กับชนิดเกล็ดและชนิดผงที่ยังไม่ได้ผลิตไว้ในครอบครองเพื่อขายตามฟ้องฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดสองกระทง คือ ฐานผลิตกระทงหนึ่ง และฐานมีไว้เพื่อขายอีกกระทงหนึ่ง ซึ่งการมีไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา ๖๒ กับการมีไว้ในครอบครองเพื่อขายตามมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา ๔ วรรคเจ็ด เป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายสองบทนั้น เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ชนิดเม็ด จำนวน ๙,๓๐๐ เม็ดที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้น เป็นจำนวนเดียวกันส่วนเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผง จำนวน ๗ ถุง นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ชนิดเม็ดผลิตโดยใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์อัดเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงให้เป็นเม็ด ขณะเจ้าพนักงานเข้าทำการจับกุมปรากฏว่าเครื่องจักรผลิตยากำลังทำงานอยู่ ดังนั้นเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงดังกล่าวจำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อผลิตเป็นชนิดเม็ดเพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share