คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2069/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดไว้ในครอบครองเพื่อขายอันเป็นคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไปแต่ไม่ถึงประหารชีวิต ในวันเริ่มพิจารณาศาลชั้นต้นได้สอบจำเลยเรื่องทนายความแล้ว จำเลยแถลงว่า จะหาทนายความเองศาลชั้นต้นจึงสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ ต่อมาเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยตั้ง ช.เป็นทนายความและช.ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีศาลชั้นต้นอนุญาต จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 วรรคสอง แล้ว และเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ที่เลื่อนไป จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยขอให้การรับสารภาพและขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานเบา ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วยืนยันให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพไปในวันนั้น แม้ในวันดังกล่าวทนายจำเลยจะไม่มาศาลก็ไม่ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในวันดังกล่าวเสียไปเพราะจำเลยมีทนายความแล้วและการที่จำเลยให้การรับสารภาพและขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานเบา โดยไม่ได้ขอให้ศาลเลื่อนคดีไปเพราะทนายความไม่มาศาล แสดงว่าจำเลยไม่ติดใจที่จะให้ทนายความจำเลยซักค้าน พยานโจทก์แก้ต่างในการพิจารณาคดีวันดังกล่าวแต่อย่างใดการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6, 7, 11, 13 ทวิ, 59, 62, 89, 106, 106 ทวิ, 116 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,89 ให้จำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงให้จำคุก 3 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้พิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายข้อเดียวว่าการที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์โดยไม่ได้สอบถามถึงทนายจำเลยว่าไม่มาศาลเพราะเหตุใดไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในวันที่ 4 ธันวาคม 2539 ซึ่งเป็นวันเริ่มพิจารณาศาลชั้นต้นได้สอบจำเลยเรื่องทนายความ จำเลยแถลงว่าจะหาทนายความเอง ศาลชั้นต้นสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 31 มกราคม 2540 เวลา 9 นาฬิกา ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 4 ธันวาคม 2539 เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยตั้งนายชนินทร์ แจ้งสว่าง เป็นทนายความ และนายชนินทร์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14 มีนาคม 2540 เวลา 13.30 นาฬิกา ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 31 มกราคม 2540 ดังนั้นจึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 วรรคสอง แล้ว ส่วนในวันนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14 มีนาคม 2540 จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยขอให้การรับสารภาพ และขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานเบา ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วยืนยันให้การรับสารภาพตามฟ้อง และสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพ แม้ในวันดังกล่าวทนายจำเลยจะไม่มาศาลก็ไม่ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในวันดังกล่าวเสียไปเพราะจำเลยมีทนายความแล้ว การที่จำเลยให้การรับสารภาพและขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานเบา โดยไม่ได้ตกลงให้ศาลเลื่อนคดีไปเพราะทนายความไม่มาศาล แสดงว่าจำเลยไม่ติดใจที่จะให้ทนายความจำเลยซักค้านพยานโจทก์แก้ต่างในการพิจารณาคดีวันดังกล่าวแต่อย่างใด การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share