คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 26 บัญญัติให้สิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้ขนส่งกับผู้รับตราส่งในเรื่องทั้งหลายเกี่ยวกับการขนส่งของที่ระบุไว้ในใบตราส่งนั้นให้เป็นไปตามข้อกำหนดในใบตราส่ง ซึ่งแม้ใบตราส่งไม่ปราฏข้อกำหนดหน้าที่ให้จำเลยต้องดำเนินพิธีการศุลกากร ขนถ่ายสินค้าออกจากตู้และส่งมอบตู้สินค้าคืนแก่โจทก์ภายใน 7 วัน แต่ใบตราส่งระบุว่าจำเลยเป็นผู้รับตราส่งและเป็นผู้ที่ต้องได้รับแจ้งการมาถึงของสินค้า และการขนส่งรายนี้มีเงื่อนไขการขนส่งแบบ เอฟ.ซี.แอล ซีวาย/ซีวาย ข้อความดังกล่าวเป็นการกำหนดหน้าที่ให้โจทก์ต้องแจ้งการมาถึงของสินค้าให้จำเลยทราบและส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลย และเมื่อตู้สินค้าถูกขนส่งถึงท่าปลายทาง โจทก์ในฐานะผู้ขนส่งต้องส่งมอบตู้สินค้าทั้งตู้แก่จำเลยในฐานะผู้รับตราส่งเพื่อนำไปเปิดที่โกดังของตนเอง เมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่าสินค้ามาถึงแล้ว ทั้งการที่จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ขอเปลี่ยนสถานที่ส่งมอบโดยตกลงที่จะชำระค่าบริการที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นประกันในการดำเนินการ และตกลงจะรับผิดในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับโจทก์ พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยยอมรับเอาหน้าที่จะต้องรับมอบตู้สินค้าจากโจทก์ตามข้อกำหนดของใบตราส่ง โดยเงื่อนไขการขนส่งของ ซีวาย ตัวหลังแล้ว เมื่อจำเลยไม่ได้ดำเนินการเพื่อรับมอบสินค้าในเวลาอันสมควร และโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวและทวงถาม จำเลยได้ชำระค่าหน่วงเหนี่ยวตู้บางส่วนถึง 2 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดในใบตราส่งเพื่อที่จะเข้าครอบครองถือประโยชน์ในสินค้า โดยตกลงที่จะรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ขนส่งตู้สินค้าพิพาทถึงท่าปลายทาง และพร้อมที่จะส่งมอบทั้งได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว แต่จำเลยมิได้ดำเนินการใดๆ ปล่อยให้สินค้าตกค้างจนกระทั่งตู้สินค้าถูกอายัดไว้ดำเนินคดี เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์ตู้สินค้าได้ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระค่าหน่วงเหนี่ยวตู้สินค้าจนกว่าจะส่งมอบตู้สินค้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 295,704 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระค่าหน่วงเหนี่ยวตู้ในอัตราวันละ 540 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะส่งมอบตู้สินค้าเปล่าคืนแก่โจทก์
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้รับฟ้องและดำเนินคดีอย่างคดีมโนสาเร่
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ จำเลยต้องรับผิดชำระค่าหน่วงเหนี่ยวตู้สินค้าแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 26 บัญญัติให้สิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้ขนส่งกับผู้รับตราส่งในเรื่องทั้งหลายเกี่ยวกับการขนส่งของที่ระบุไว้ในใบตราส่ง ให้เป็นไปตามข้อกำหนดในใบตราส่ง ซึ่งแม้ใบตราส่งไม่ปรากฏข้อกำหนดหน้าที่ให้จำเลยต้องดำเนินพิธีการศุลกากร ขนถ่ายสินค้าออกจากตู้และส่งมอบตู้สินค้าคืนแก่โจทก์ภายใน 7 วัน แต่ใบตราส่งระบุว่าจำเลยเป็นผู้รับตราส่ง และเป็นผู้ที่ต้องได้รับแจ้งการมาถึงของสินค้า ทั้งมีเงื่อนไขการขนส่งแบบ เอฟซีแอล ซีวาย/ซีวาย ข้อความดังกล่าวเป็นการกำหนดหน้าที่ให้โจทก์ต้องแจ้งการมาถึงของสินค้าให้จำเลยทราบและส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลย และเมื่อตู้สินค้าถูกขนส่งถึงท่าปลายทาง โจทก์ในฐานะผู้ขนส่งจะต้องส่งมอบตู้สินค้าทั้งตู้แก่จำเลยในฐานะผู้รับตราส่งเพื่อนำไปเปิดที่โกดังของตนเอง โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่าสินค้ามาถึงประเทศไทยแล้ว โดยก่อนหน้านั้นจำเลยได้มีหนังสือแจ้งโจทก์ขอเปลี่ยนสถานที่ส่งมอบจากเดิมที่ระบุไว้ในใบตราส่งจากแหลมฉบัง เป็น สยาม คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล (เอสซีที) โดยตกลงที่จะชำระค่าบริการที่เกี่ยวข้องสำหรับการดังกล่าวจำนวน 51 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นประกันในการดำเนินการ อีกทั้งจำเลยยังตกลงจะรับผิดในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่โจทก์ พฤติการณ์แสดงว่า จำเลยยอมรับเอาหน้าที่ที่จะต้องรับมอบตู้สินค้าจากโจทก์ตามข้อกำหนดของใบตราส่ง โดยเงื่อนไขการขนส่งของซีวาย ตัวหลังแล้ว ต่อมาเมื่อจำเลยไม่ได้ดำเนินการเพื่อรับมอบสินค้าในเวลาอันควร โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวและทวงถาม จำเลยก็ได้ชำระค่าหน่วงเหนี่ยวตู้บางส่วนแก่โจทก์ถึง 2 ครั้ง การกระทำของจำเลยแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดในใบตราส่งเพื่อที่จะเข้าครอบครองถือประโยชน์ในสินค้า และรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ขนส่งตู้สินค้าพิพาทถึงท่าปลายทางและพร้อมที่จะส่งมอบ โดยยกตู้สินค้าลงจากเรือนำเข้าเก็บในโรงพักสินค้า ทั้งได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว แต่จำเลยมิได้ดำเนินการใดๆปล่อยให้สินค้าตกค้างอยู่ในตู้จนกระทั่งตู้สินค้าถูกอายัดไว้ดำเนินคดีเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตู้สินค้าได้ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระค่าหน่วงเหนี่ยวตู้สินค้าจนกว่าจะส่งมอบตู้สินค้าคืนโจทก์ และโจทก์นำสืบ อัตราค่าหน่วงเหนี่ยวตู้สินค้าวันละ 540 บาท เป็นอัตราปกติที่ใช้กันทั่วไปในธุรกิจ รับขนส่งสินค้าทางทะเล ซึ่งจำเลยก็ยอมรับและจ่ายค่าหน่วงเหนี่ยวตู้สินค้าบางส่วนแก่โจทก์ ฟังได้ว่าจำเลยค้างชำระค่าหน่วงเหนี่ยวตู้สินค้าจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 295,704 บาท ตามที่โจทก์นำสืบ ส่วนปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ขนสินค้ารายนี้ด้วย เป็นการนำสืบนอกคำฟ้องหรือไม่นั้น เห็นว่า การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ถือว่าปัญหาดังกล่าวไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงไม่รับวินิจฉัยให้ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 295,704 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และชำระค่าหน่วงเหนี่ยวตู้สินค้าอัตราวันละ 540 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบตู้สินค้าเปล่าคืนแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 6,000 บาท

Share