คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์กับจำเลยแถลงร่วมกันต่อศาลชั้นต้น โดยตกลงให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินไปดำเนินการรังวัดปักหลักเขตตามข้อตกลงอีกครั้งหนึ่ง และโจทก์จำเลยยินยอมให้ถือเอาผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินในครั้งหลังเป็นยุติดังนี้ เป็นการแสดงเจตนาให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับผลการรังวัดปักหลักเขตครั้งที่แล้ว เมื่อการรังวัดปักหลักเขตของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินมีผลเป็นประการใด คู่ความทั้งสองฝ่ายย่อมต้องผูกพันตามข้อตกลงที่ได้แถลงต่อศาล.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากเดิมโจทก์ฟ้องว่า อาคารตึกแถวของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในเขตที่ดินโฉนดของโจทก์ โจทก์จำเลยได้ตกลงให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินมารังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดทั้งสองแปลงอย่างไม่เป็นทางการ โจทก์และจำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงระงับข้อพิพาทตามเอกสารหมาย จ.1 โดยยินยอมให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินทำการลงหมุดปักหลักเขตบนที่ดินของทั้งสองฝ่ายให้เป็นไปตามผลการคำนวณเนื้อที่ตามความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ในโฉนดของที่ดินทั้งสองแปลง จำเลยไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินดำเนินการ ขอให้จำเลยยินยอมให้ดำเนินการตามข้อตกลง จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ตกลงให้คำนวณเนื้อที่จากโฉนดที่ดิน แต่ตกลงให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินลงหมุดหลักเขตตามการครอบครองที่เป็นจริง ศาลฎีกาพิพากษายืนให้จำเลยปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.1 ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า โจทก์ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วแต่จำเลยไม่ยอมรับรองการดำเนินการของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินศาลชั้นต้นนัดพร้อมและมีคำสั่งให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาดังกล่าวจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนว่า เจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่ฝ่ายโจทก์นำไปดำเนินการกระทำไปถูกต้องตามคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีระหว่างการไต่สวนของศาลชั้นต้น ทั้งสองฝ่ายได้ทำความตกลงให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินไปทำการรังวัดและคำนวณเนื้อที่ของที่ดินตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.1 โดยโจทก์จำเลยถือเอาการรังวัดปักหลักเขต และการคำนวณเนื้อที่ดินของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินเป็นข้อยุติตามรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม2528 ต่อมาศาลชั้นต้นนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินมาแถลงประกอบแผนที่ วันนัดจำเลยคัดค้านว่า แผนที่ของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินไม่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การรังวัดของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินซึ่งปรากฏผลว่า แนวเขตโฉนดที่ดินของจำเลยที่จำเลยนำชี้รุกล้ำเข้าไปในแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ เป็นผลการรังวัดที่ถูกต้องจึงให้บังคับคดีไปตามแผนที่
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น โดยขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนการรังวัดของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินว่า กระทำไปถูกต้องตามคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ และมีคำสั่งใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยในชั้นบังคับคดีว่าเป็นการสมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนเกี่ยวกับการรังวัดของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินครั้งที่สองตามที่จำเลยฎีกาขึ้นมาหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ในชั้นไต่สวนของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการรังวัดของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินในครั้งแรกก่อนที่จะมีคำสั่งในปัญหาพิพาทนี้ โจทก์จำเลยได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงกรมที่ดินให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปจัดการลงหมุดปักหลักเขตบนที่ดินทั้งสองฝ่ายตามบันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยลงวันที่ 13 กันยายน2521 ตามเอกสารหมาย จ.1 หากเจ้าหน้าที่กรมที่ดินไปจัดการลงหมุดปักหลักเขตบนที่ดินทั้งสองฝ่ายแล้ว คู่ความยอมให้ถือว่าเจ้าหน้าที่กรมที่ดินได้รังวัดลงหมุดปักหลักเขตโดยถูกต้องตามข้อตกลงโดยไม่ติดใจดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นจึงได้มีหนังสือถึงกรมที่ดินขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อตกลงของโจทก์จำเลยโดยทั้งสองฝ่ายตกลงเสียค่าใช้จ่ายในการนี้คนละครึ่ง ปรากฏตามหนังสือของศาลแพ่งลงวันที่ 27 สิงหาคม 2528 ต่อมาสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครได้มีหนังสือถึงศาลแพ่งแจ้งผลการรังวัดปักหลักเขตที่ได้กระทำเสร็จสิ้นแล้ว โดยในการรังวัดปักหลักเขตได้ใช้หลักฐานการรังวัดเดิมแต่ครั้ง พ.ศ. 2496 ซึ่งปรากฏว่าได้รูปแผนที่และเนื้อที่เท่าเดิมตามโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงและแนวเขตที่จำเลยนำชี้อ้างว่าเป็นของจำเลยปรากฏว่ารุกล้ำเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ปรากฏตามหนังสือของนายปัญญา พานิชปฐม เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2529 พร้อมแผนที่ที่แนบมาดังนี้ เห็นว่า การที่โจทก์จำเลยได้แถลงข้อตกลงร่วมกันต่อศาลชั้นต้น ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 23 สิงหาคม 2528ดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาให้ระงับ ข้อพิพาทเกี่ยวกับผลการรังวัดปักหลักเขตครั้งที่แล้วโดยตกลงให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินไปดำเนินการรังวัดปักหลักเขตตามข้อตกลงเอกสารหมาย จ.1 อีกครั้งหนึ่ง และทั้งสองฝ่ายยินยอมให้ถือเอาผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินในครั้งหลังนี้เป็นยุติ ดังนั้น เมื่อการรังวัดปักหลักเขตของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินมีผลเป็นประการใดแล้วทั้งสองฝ่ายย่อมต้องผูกพันตามข้อตกลงที่ได้แถลงต่อศาลไว้ จำเลยจะโต้แย้งเมื่อปรากฏว่าผลการรังวัดปักหลักเขตของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินไม่สมประโยชน์แก่ตนโดยเหตุว่าเจ้าพนักงานที่ดินได้ใช้หลักฐานการรังวัดเดิมแต่ครั้ง พ.ศ. 2496 ในการรังวัดและคำนวณเนื้อที่เพื่อกำหนดหลักเขตโฉนดมิได้ เพราะบันทึกตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นข้อตกลงที่ให้ถือเอาผลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินเป็นข้อยุติโดยปราศจากเงื่อนไขใด ๆ ทั้งจำเลยก็มิได้คัดค้านว่าเจ้าหน้าที่กรมที่ดินได้กระทำไปโดยเจตนามิชอบแต่อย่างใด…”
พิพากษายืน

Share