แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไม่มีหนี้ผูกพันกับโจทก์เกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ โจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลหนี้เดิมของรถยนต์คันดังกล่าวระหว่างกัน จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์คนละคันกับรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 หลักฐานข้อตกลงตามหนังสือโอนการเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยจึงมิใช่ผูกพันกันในลักษณะแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวให้จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ และมิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวเป็นของบุคคลภายนอก ซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจนำมาทำสัญญาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อได้ ดังนั้น การทำหลักฐานข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 กับโจทก์แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดที่ทำให้เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 ไม่มีผลบังคับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ๑ คัน ไปจากโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ ๑ รับโอนการเช่าซื้อรถยนต์คันนี้จากจำเลยที่ ๒ โดยโจทก์ยินยอมและจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคารถยนต์ และชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๑ ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง รถยนต์คันที่จำเลยที่ ๑ ทำสัญญารับโอนการเช่าซื้อกับโจทก์ไม่ใช่รถยนต์ของโจทก์คันที่ให้จำเลยที่ ๒ เช่าซื้อแต่เป็นของบุคคลภายนอก โจทก์กับจำเลยที่ ๒ ปกปิดความจริง หากจำเลยที่ ๑ รู้ความจริงจะไม่เข้าทำสัญญาด้วย จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหายต้องคืนรถยนต์ให้บุคคลภายนอกไปขอให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์คืนเงินค่าเช่าซื้อ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยปกปิดข้อความจริงใด ๆ แก่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดตามสัญญา
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การทำหนังสือโอนการเช่าซื้อกันเป็นการแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จำเลยทั้งสองต้องผูกพันตามสัญญาโอนการเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน พิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์ หรือใช้ราคา ๕,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ พร้อมทั้งค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าหนังสือโอนการเช่าซื้อเป็นการแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้หรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์และให้โจทก์คืนเงินค่าเช่าซื้อแก่จำเลยที่ ๑
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า หนังสือโอนการเช่าซื้อเป็นการแปลงหนี้ จำเลยที่ ๑ จึงต้องผูกพันกับโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฎว่าจำเลยที่ ๒ ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดัทสันกระบะหมายเลขเครื่อง เจ-๑๗๑๗๕๔ ของโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ ๒ นำรถยนต์ของนายบุญที่ถูกคนร้ายลักมาขายให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ เชื่อโดยสุจริตว่าเป็นรถยนต์ของโจทก์ที่ให้จำเลยที่ ๒ เข่าซื้อไป จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ จึงทำหนังสือขอโอนสิทธิการเช่าซื้อ เพื่อให้โจทก์อนุมัติและโจทก์ไม่ทราบว่ารถยนต์ซึ่งจำเลยที่ ๒ นำมาขายให้จำเลยที่ ๑ แล้วขอโอนสิทธิการเช่าซื้อต่อให้เป็นรถยนต์ของผู้อื่นที่ถูกลักมาแก้เลขเครื่องยนต์ จึงอนุมัติตามเอกสารหมาย จ.๖ ปัญหาที่โจทก์เห็นว่าการทำเอกสารหมาย จ.๖ เป็นเรื่องแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ที่จำเลยที่ ๑ จะต้องผูกพันรับผิดเป็นลูกหนี้โจทก์แทนจำเลยที่ ๒ ลูกหนี้เดิมนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่าโจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยที่ ๒ นำมาขายให้แก่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ไม่มีหนี้ผูกพันกับโจทก์เกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ โจทก์กับจำเลยที่ ๒ ไม่มีมูลหนี้เดิมของรถยนต์คันดังกล่าวระหว่างกัน จำเลยที่ ๒ เป็นหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์คนละคันกับรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ ๒ นำมาขายให้จำเลยที่ ๑ หลักฐานข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.๖ จึงมิใช่ผูกพันกันในลักษณะแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวให้จำเลยที่ ๑ เป็นลูกหนี้ เอกสารหมาย จ.๖ มิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ ๒ นำมาขายให้จำเลยที่ ๑ รถยนต์คันนั้นเป็นของนายบุญซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจนำมาทำสัญญาให้จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อได้ และการทำหลักฐานข้อตกลงดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังเป็นเรื่องจำเลยที่ ๑ กับโจทก์แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดที่ทำให้เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๙ ไม่มีผลบังคับ
พิพากษายืน