แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช็คพิพาทจำเลยที่ 1 สั่งธนาคารคือจำเลยที่ 4 ให้จ่ายเงินแก่จำเลยที่ 2 หรือผู้ถือ โดยจำเลยที่ 1 ได้ขีดคร่อมและพิมพ์ข้อความว่าA/CPAYEEONLY อันได้ความเป็นทำนองเดียวกับเปลี่ยนมือไม่ได้ลงไว้ที่ด้านหน้าเช็ค แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ขีดฆ่าคำว่า หรือผู้ถือ ออกจำเลยที่ 2 ซึ่งมีชื่อเป็นผู้รับเงินหรือผู้ทรงก็จะต้องผูกพันตามข้อกำหนดของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 917วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 989 จำเลยที่ 2 จะโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ด้วยการสลักหลังและส่งมอบในฐานะเป็นผู้รับเงินหรือโอนโดยการส่งมอบในฐานะผู้ถือไม่ได้เพราะมาตรา 917 วรรคสอง บัญญัติให้โอนกันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญเพียงวิธีเดียวเพื่อการโอนไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่าย โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาสันปาข่อย ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินจำนวน105,011 บาท แก่จำเลยที่ 2 หรือผู้ถือเพื่อชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2ต่อมาจำเลยที่ 3 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราของจำเลยที่ 2 ในการสลักหลังเช็คดังกล่าวแล้วนำมามอบแก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดยชอบเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระเงินโจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาสำโรง เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่จำเลยที่ 4 สาขาสันปาข่อย ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยไม่มีเหตุอันสมควรทั้งที่สามารถจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวได้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทให้จำเลยที่ 2เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2มาคิดบัญชีและหักกลบลบหนี้กับจำเลยที่ 1 แล้ว แต่จำเลยที่ 2ไม่จัดการ จำเลยที่ 1 จึงได้แจ้งให้จำเลยที่ 4 ระงับการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท เช็คดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้ขีดคร่อมและระบุให้เข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะจะโอนให้บุคคลอื่นไม่ได้ ลายมือชื่อด้านหลังเช็คไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลยที่ 3 ซึ่งกระทำในนามของจำเลยที่ 2 และตราที่ประทับไม่ใช่ตราของจำเลยที่ 2 โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์รับโอนเช็คมาจากจำเลยที่ 3 โดยไม่สุจริตจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 1 บอกห้ามมิให้จำเลยที่ 4จ่ายเงินตามเช็คพิพาท จำเลยที่ 4 จึงไม่อาจจ่ายเงินตามเช็คให้โจทก์ได้ จำเลยที่ 4 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เช็คพิพาทจำเลยที่ 1 สั่งธนาคารคือจำเลยที่ 4 ให้จ่ายเงินแก่จำเลยที่ 2 หรือผู้ถือ โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายได้ขีดคร่อมและพิมพ์ข้อความว่า A/C PAYEE ONLY อันได้ความเป็นทำนองเช่นเดียวกันกับเปลี่ยนมือไม่ได้ลงไว้ด้านหน้าแห่งเช็ค แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ขีดฆ่าคำว่า หรือผู้ถือ ออก จำเลยที่ 2ซึ่งมีชื่อเป็นผู้รับเงินตามเช็คและเป็นผู้ถือหรือผู้ทรงเช็คพิพาทในขณะเดียวกันนั้นด้วยในฐานะที่ได้รับการส่งมอบเช็คพิพาทมาจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายโดยตรงย่อมจะต้องผูกพันตามข้อกำหนดของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 917 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 989 จำเลยที่ 2 จะโอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยการสลักหลังและส่งมอบในฐานะเป็นผู้รับเงิน หรือจะโอนให้แก่โจทก์โดยการส่งมอบในฐานะผู้ถือหาได้ไม่ เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 917 วรรคสอง บัญญัติให้โอนกันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญเพียงวิธีเดียว ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 โอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ด้วยวิธีสลักหลังและส่งมอบเท่านั้น มิได้โอนให้กันโดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 917 วรรคสอง, 989, 306 วรรคแรกการโอนจึงไม่สมบูรณ์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่าย จึงฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทไม่ได้ และไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 4 ให้รับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน