คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2055/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ประกันยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2532 อันเป็นเวลาหลังจากที่ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อ. (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532มีผลใช้ บังคับแล้ว สิทธิในการฎีกาของผู้ประกันจึงต้อง พิจารณาตาม บทกฎหมายที่ใช้ ขณะยื่น ฎีกาซึ่ง ป.วิ.อ. มาตรา 119 ที่แก้ไขแล้ว และใช้ บังคับในขณะที่ผู้ขอประกันยื่นฎีกาบัญญัติให้ฝ่ายผู้ถูกบังคับตาม สัญญาประกันหรือพนักงานอัยการมีอำนาจอุทธรณ์ได้ แต่ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด กรณีของผู้ประกันจึงเป็นที่สุดไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ หากผิดสัญญาประกัน ผู้ประกันยอมรับผิดใช้เงินเป็นจำนวน 300,000 บาท ต่อมาผู้ประกันผิดสัญญาประกันไม่ส่งตัวจำเลยต่อศาลตามนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปรับผู้ประกันจำเลยตามสัญญาประกัน เป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท
ผู้ประกันอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ผู้ประกันยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน2532 อันเป็นเวลาหลังจากที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มีผลใช้บังคับแล้ว สิทธิในการฎีกาของผู้ประกันจึงต้องพิจารณาตามบทกฎหมายที่ใช้ขณะยื่นฎีกา ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119ที่แก้ไขแล้ว และใช้บังคับในขณะที่ผู้ขอประกันยื่นฎีกา บัญญัติไว้ว่า “ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลมีอำนาจสั่งบังคับตามสัญญาประกันหรือตามที่ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง เมื่อศาลสั่งประการใดแล้ว ฝ่ายผู้ถูกบังคับตามสัญญาประกันหรือพนักงานอัยการมีอำนาจอุทธรณ์ได้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด” ดังนั้นกรณีของผู้ประกันจึงเป็นที่สุดไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีการับวินิจฉัยไม่ได้”
พิพากษายกฎีกาผู้ประกัน.

Share