แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เอกสารที่มีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนทั้งด้านหน้าและด้านหลังของบุคคลชื่อ ด. จำเลยและมีข้อความในที่ว่างขึ้นต้นว่า ข้าพเจ้า ด. เจ้าของรถโตโยต้าได้นำรถจำนองไว้กับ ช. โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท และลงลายมือชื่อไว้ ไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ เอกสารดังกล่าวจึงไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในมูลหนี้อันเกิดจากการกู้ยืมเงิน จึงต้องเป็นไปตามบทบัญญัติที่กฎหมายบังคับไว้สำหรับการก่อให้เกิดหนี้นั้น ๆ ว่าจะฟ้องร้องขอให้บังคับคดีกันได้หรือไม่ โดยต้องพิเคราะห์แยกต่างหากจากการส่งมอบรถยนต์เป็นประกันอันเรียกว่า จำนำ เมื่อการกู้ยืมเงินมีจำนวนเงินเกินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไป แต่ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ จึงฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้ยืมเงินไปจากโจทก์จำนวน 50,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อเดือน กำหนดผ่อนชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือนทุก ๆ วันสิ้นเดือน ภายหลังทำสัญญาจำเลยชำระดอกเบี้ยเพียง 5 เดือน และไม่ยอมชำระต้นเงินคืนโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 51,273.97 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 50,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยนำรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน5 จ – 3027 กรุงเทพมหานคร พร้อมคู่มือการจดทะเบียนให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันนั้น เป็นการจำนำรถยนต์คันดังกล่าวต่อโจทก์และเมื่อนำมาพิจารณารวมกับข้อความตามเอกสารหมาย จ.4 แล้ว เอกสารหมาย จ.4 ดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้เห็นว่า เอกสารหมาย จ.4 เป็นเอกสารที่มีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนทั้งด้านหน้าและด้านหลังของบุคคลชื่อนายดำรงค์ พันธุนะ และมีข้อความในที่ว่างขึ้นต้นว่า ข้าพเจ้านายดำรงค์ พันธุนะ เจ้าของรถโตโยต้า โคโรน่า ทะเบียน 5 จ – 3027 ได้นำรถจำนองไว้กับนายชาตรี ท่าควาย เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) และลงลายมือชื่อไว้ ซึ่งข้อความตามเอกสารหมาย จ.4 ดังกล่าวไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ตามฟ้องไป เอกสารหมาย จ.4 ดังกล่าวจึงไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในมูลหนี้อันเกิดจากการกู้ยืมเงิน จึงต้องเป็นไปตามบทบัญญัติที่กฎหมายบังคับไว้สำหรับการก่อให้เกิดหนี้นั้น ๆ อันจะฟ้องร้องขอให้บังคับคดีกันได้หรือไม่ โดยต้องพิเคราะห์แยกต่างหากจากการส่งมอบรถยนต์เป็นประกันอันเรียกว่า จำนำ เมื่อการกู้ยืมเงินนี้มีจำนวนเงินเกินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไปแต่มิได้หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญแล้ว จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653เมื่อโจทก์ฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ตามฟ้องหรือไม่อีกต่อไป เพราะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน