คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร่วมทุนกันซื้อที่ดิน แม้ในสัญญาซื้อขายจะลงชื่อคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ซื้อแต่ผู้เดียว ผู้ที่ร่วมทุนซื้อด้วยมีสิทธิฟ้องและขอสืบเหตุแห่งความจริงว่าได้ร่วมทุนซื้อด้วยได้.
ผู้เยาว์ที่ร่วมทุนซื้อที่ดินกับบุคคลอื่นที่มีชื่อในหนังสือสัญญาซื้อขาย ซึ่งเมื่อซื้อมาแล้วได้แบ่งที่ดินให้ผู้เยาว์ครอบครองมาจนล่วงเลยอายุความการให้สัตยาบัน โดยมิได้บอกล้างเช่นนี้ ถือว่า เป็นการแสดงกิริยารับรองต่อผู้เยาว์ ๆจึงได้สิทธิ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้ออกเงินรวมกับจำเลยซื้อที่นาให้จำเลยลงชื่อแทน แล้วจำเลยได้แบ่งให้โจทก์ครอบครองทำมาประมาณ ๖ ไร่ ขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ และห้ามจำเลยอย่าให้เกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่าจำเลยซื้อแต่ผู้เดียว การซื้อขายของโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ เป็นโมฆะ หากฟังว่าโจทก์ออกเงินซื้อโจทก์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เป็นโมฆียะและล่วงเลยการให้สัตยาบัน จำเลยให้โจทก์อาศัยทำกิน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยกับบริวารไม่ให้เกี่ยวข้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ไม่ได้คัดค้านหนังสือสัญญาซื้อขายซึ่งเป็นเอกสารมหาชน แต่โจทก์ขอสืบเหตุแห่งความจริงว่าได้ร่วมทุนซื้อด้วยกัน ซึ่งโจทก์นำสืบและเรียกร้องส่วนของตนได้ และฟังว่าโจทก์ได้ออกเงินรวมซื้อที่นาและได้ครอบครองนาพิพาทตามที่จำเลยแบ่งให้โจทก์จริง โจทก์ได้สิทธิ ส่วนข้อที่ว่าเวลานั้นโจทก์ยังไม่บรรลุนิติภาวะนั้น โจทก์มิได้บอกล้างแต่กลับแสดงกิริยารับรองตลอดมา ไม่มีทางที่จะว่าสัญญานั้นได้เลิกล้างไปแล้ว
พิพากษายืน.

Share