คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2050/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การซื้อขายทรัพย์ ซึ่งจะต้องมีการชั่งและส่งมอบกัน หากทรัพย์นั้นยังเก็บรวมไว้กับของผู้อื่น ยังไม่ได้แยกเอาออกมาชั่งและส่งมอบแก่ผู้ซื้อ แม้ผู้ซื้อจะชำระราคาแล้วกรรมสิทธิ์ยังคงอยู่แก่ผู้ขาย ยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อ เจ้าหนี้ของผู้ขายยึดทรัพย์นั้นได้
คดีที่มีผู้ร้องขัดทรัพย์ และโจทก์ผู้นำยึด โต้เถียงว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ ดังนี้ ที่ศาลวินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิ์เป็นการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีโดยตรง

ย่อยาว

ความว่า ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนลูกหนี้ของโจทก์ ได้ทำหนังสือขายยางพิพาทให้แก่ผู้ร้อง แต่ยางที่ซื้อขายกันนี้เก็บไว้ในโรงเก็บผู้ร้องตกลงซื้อโดยไม่ได้ไปตรวจดูก่อน และยังไม่ทราบว่าจะมียางครบตามที่ตกลงซื้อขายกันหรือไม่ เป็นแต่สัญญากันว่าถ้ามีไม่ครบผู้ขายจะต้องจัดหาหรือกรีดขึ้นใหม่จนครบ ภายหลังทำหนังสือซื้อขายกันและผู้ร้องได้ชำระเงินให้เสร็จแล้ว ผู้ร้องได้ไปตรวจดูยางที่โรงเก็บมียางของผู้อื่นเก็บรวมอยู่ด้วยกันหลายตัน ผู้ขายยังไม่ได้แบ่งแยกเป็นส่วนสัด เป็นแต่ตกลงกันว่าจะเอาออกมาชั่งเมื่อส่งมอบ ก่อนแบ่งแยกออกมาชั่งและส่งมอบกัน โจทก์นำยึดเสียก่อน ผู้ร้องได้ร้องขัดทรัพย์ว่าขายให้ผู้ร้องเด็ดขาดแล้ว ขอให้ถอนการยึด โจทก์คัดค้านว่าเป็นของห้างหุ้นส่วนลูกหนี้ของโจทก์

ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้น ที่สั่งให้ยกคำร้องขัดทรัพย์

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า กรรมสิทธิ์ในยางพิพาทยังเป็นของห้างหุ้นส่วนลูกหนี้ของโจทก์อยู่ เพราะเป็นการซื้อขายทรัพย์สินซึ่งยังกำหนดลงเป็นแน่นอนยังไม่ได้ โดยจะต้องคัดเลือกแบ่งแยกออกมาจากยางที่รวมกันอยู่กับของผู้อื่นมาชั่งและส่งมอบกันต่อไป ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 460 บัญญัติว่า กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ถอนการยึดอนึ่งโจทก์ได้โต้เถียงมาแต่แรกว่ายางพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของห้างหุ้นส่วน ที่ศาลวินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิ์จึงเป็นการวินิจฉัยประเด็นในคดีโดยตรง

พิพากษายืน

Share