คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2048/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การขับรถบรรทุกสิบล้อนั้นไม่ใช่งานที่คนธรรมดาซึ่งไม่มีความชำนาญเป็นพิเศษจะพึงทำได้ แต่เป็นงานของผู้มีอาชีพในทางนี้โดยเฉพาะ และไม่อาจคาดหมายได้ว่า เป็นงานที่พึงทำให้เปล่า เมื่อจำเลยไม่นำสืบหักล้างข้ออ้างของโจทก์ คดีชอบที่จะฟังว่า พ. เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1ซึ่งได้ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ในขณะเกิดเหตุ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันชำระเงิน 36,557 บาท และดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน อ.ด. 15728 ไว้จากบริษัทอุดรเจริญศรีจำกัด จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน ข.ก. 05665 และได้ประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวไว้กับจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุนายบุญเพชร วิเศษสมบัติได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ไปชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน อ.ด. 15728ซึ่งนายชาย ลิเลิศ เป็นผู้ขับเป็นเหตุให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย โจทก์ผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน อ.ด. 15727 ได้จัดการซ่อมรถให้แก่ผู้เอาประกันภัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงรับช่วงสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสอง และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่านายบุญเพชรคนขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทเพราะขับรถล้ำเข้าไปในช่องทางเดินรถของอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังว่านายบุญเพชรเป็นลูกจ้างและทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จึงวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดในการทำละเมิดของนายบุญเพชรจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถจากจำเลยที่ 1 จึงพลอยไม่ต้องรับผิดไปด้วย

ประเด็นที่โต้เถียงกันในชั้นฎีกามีเพียงข้อเดียวว่า นายบุญเพชรเป็นลูกจ้างและทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 หรือไม่เท่านั้น ประเด็นอื่นเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว

ในประเด็นเรื่องนายบุญเพชรเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 หรือไม่นี้โจทก์นำสืบโดยมีนายเทพพงศ์ ชวาลตันพิทักษ์ เป็นพยานยืนยันว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกขอนแก่น (ข.ก.) 05665 และเป็นนายจ้างของนายบุญเพชรซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุ

ส่วนจำเลยทั้งสองแถลงต่อศาลว่าไม่ติดใจสืบพยาน ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์ได้นำสืบตามข้อกล่าวอ้างของโจทก์ว่านายบุญเพชรเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ซึ่งขับรถมาในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยไม่นำสืบหักล้างก็ต้องถือว่าพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยไม่มีน้ำหนักที่จะหักล้างพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ และเมื่อคำนึงถึงเหตุผลธรรมดาโดยทั่วไปแล้ว ถ้าหากนายบุญเพชรไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ซึ่งกระทำในทางการที่จ้างแล้ว นายบุญเพชรจะมาขับรถบรรทุกสิบล้อให้จำเลยที่ 1 ด้วยเรื่องอันใด การขับรถบรรทุกสิบล้อนั้น ไม่ใช่งานที่คนธรรมดาซึ่งไม่มีความชำนาญเป็นพิเศษจะพึงทำได้ ลักษณะของงานชนิดนี้เป็นงานของผู้มีอาชีพในทางนี้โดยเฉพาะและไม่อาจคาดหมายได้ว่าเป็นเงินที่พึงทำให้เปล่า โดยเฉพาะ เมื่อจำเลยไม่นำสืบหักล้างข้ออ้างของโจทก์เช่นนี้แล้วคดีชอบที่จะฟังว่านายบุญเพชรเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ซึ่งได้ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ในขณะเกิดเหตุ ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่านายบุญเพชรไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ทั้ง ๆ ที่จำเลยไม่สืบพยานหักล้างพยานของโจทก์เลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความทั้งสามศาลเป็นเงิน 1,000 บาท”

Share