คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2047/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีอุกฉกรรจ์มีโทษสถานหนัก พยานหลักฐานโจทก์จะต้องชัดแจ้งหนักแน่นมั่นคงโดยไม่มีข้อตำหนิใด ๆ ให้เป็นที่ประจักษ์ได้ แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะฟังได้ว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจริงซึ่งทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุอาวุธปืนของกลางอยู่ในความครอบครองของจำเลยมาโดยตลอด แต่จำเลยก็เบิกความอธิบายว่า เหตุที่จำเลยเบิกความเช่นนั้นเนื่องจากจำเลยเข้าใจว่าอาวุธปืนของกลางยังอยู่ใต้ฟูกในห้องนอนของจำเลย เนื่องจากจำเลยไม่ได้ตรวจสอบอาวุธปืนดังกล่าวตลอดเวลา กรณีจึงไม่อาจนำข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของจำเลยมาลงโทษจำเลยได้ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดที่จะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยได้กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่คนร้ายทั้งสองกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์รับฟังได้เพียงแค่อาวุธปืนของกลางที่ใช้ยิงผู้ตายเป็นอาวุธปืนของจำเลยยังไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 288 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางวรณ์ เผือกพิพัฒน์ ภริยาผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 10 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า (ที่ถูก พิพากษากลับ) ให้ยกฟ้องโจทก์และให้คืนอาวุธปืน กระสุนปืนและแถบกระสุนปืนของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์มาหาผู้ตาย แล้วผู้ชายคนที่นั่งซ้อนท้ายเดินเข้ามาคุยกับผู้ตาย สักครู่หนึ่งชายคนดังกล่าวชักอาวุธปืนยิงผู้ตายหลายนัดแล้วพากันขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบว่าผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว และตรวจยึดได้ปลอกกระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 6 ปลอก และหัวกระสุนปืน 1 หัว ซึ่งตกอยู่บนพื้นที่เกิดเหตุเป็นของกลาง เจ้าพนักงานตำรวจค้นบ้านของจำเลยพบอาวุธปืนพกสั้นออโตเมติก ยี่ห้อโคลท์ ขนาด .45 มม. หมายเลขทะเบียน สร. 4/0783 เลขประจำปืน 106394 จำนวน 1 กระบอก แม็กกาซีนปืนขนาด .45 มม. จำนวน 1 แม็ก และกระสุนปืนขนาด .45 มม. จำนวน 8 นัด ซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นอนของจำเลยจึงยึดไว้เป็นของกลาง และส่งของกลางดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์แล้ว ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าปลอกกระสุนปืนของกลางทั้ง 6 ปลอก กับปลอกกระสุนปืนที่ใช้ยิงเปรียบเทียบจากปืนของกลางมีรอยตำหนิรอยเข็มแทงชนวน และรอยลายเส้นที่บริเวณจานท้ายปลอกกระสุนปืนตรงกันและเข้ารอยกันได้ เชื่อว่าปลอกกระสุนปืนของกลางทั้ง 6 ปลอก ใช้ยิงมาจากอาวุธปืนของกลาง ส่วนลูกกระสุนปืนของกลางกับลูกกระสุนปืนที่ใช้ยิงเปรียบเทียบจากปืนของกลางมีรอยตำหนิรอยลายเส้นที่ร่องเกลียว และสันเกลียวตรงกันและเข้ารอยกันได้ เชื่อว่ากระสุนปืนของกลางใช้ยิงมาจากอาวุธปืนของกลางตามความเห็นของผู้ชำนาญการ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ โจทก์ฎีกาอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุอาวุธปืนของกลางอยู่ในความครอบครองของจำเลยตลอดมา และเจ้าพนักงานยึดอาวุธปืนของกลางได้จากบ้านของจำเลย จำเลยเป็นเจ้าของอาวุธปืนและอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวถูกนำไปใช้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ย่อมแสดงว่าจำเลยได้กระทำการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายที่กระทำความผิดนั้น เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์มีโทษสถานหนัก พยานหลักฐานโจทก์จะต้องชัดแจ้งหนักแน่นมั่นคงโดยไม่มีข้อตำหนิใด ๆ ให้เป็นที่ประจักษ์ได้ แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะฟังได้ว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายถึงความตายจริง ซึ่งทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุอาวุธปืนของกลางอยู่ในความครอบครองของจำเลยมาโดยตลอด แต่จำเลยก็เบิกความอธิบายว่า เหตุที่จำเลยเบิกความเช่นนั้น เนื่องจากจำเลยเข้าใจว่าอาวุธปืนของกลางยังอยู่ใต้ฟูกในห้องนอนของจำเลย เนื่องจากจำเลยไม่ได้ตรวจสอบอาวุธปืนดังกล่าวตลอดเวลา กรณีจึงไม่อาจนำข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของจำเลยมาลงโทษจำเลยได้ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดที่จะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยได้กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่คนร้ายทั้งสองกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน ลำพังพยานหลักฐานโจทก์ที่รับฟังได้เพียงแค่อาวุธปืนของกลางที่ใช้ยิงผู้ตายเป็นอาวุธปืนของจำเลยยังไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายดังโจทก์ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share