แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ฟ้องขอให้ลงโทษลักทรัพย์หรือรับของโจร แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียวเพราะเป็นความผิดคนละฐานกัน จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยกระทำผิดฐานใดแม้จะเป็นแบบพิมพ์คำให้การที่โรเนียวล่วงหน้าไว้ก็ตามก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่งของจำเลย มิฉะนั้นลงโทษไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2537 ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2537 เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกันได้มีคนร้ายเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายยูโซ๊ะหิเลาะ ผู้เสียหาย โดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วลักเอาอาหารสัตว์สำเร็จรูปตรา ไฮ-โปร-ไวท์ จำนวน 1 กระสอบ ราคา 240 บาทของผู้เสียหายซึ่งเก็บรักษาไว้ในเคหสถานดังกล่าวไปโดยทุจริตต่อมาวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2537 เจ้าพนักงานยึดได้อาหารสัตว์สำเร็จรูปตรา ไฮ-โปร-ไวท์ จำนวน 1 กระสอบ ซึ่งเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปดังกล่าว ทั้งนี้ ในระหว่างวันเวลาดังกล่าวจำเลยเป็นคนร้ายลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตหรือมิฉะนั้นจำเลยได้รับเอาทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปไว้ในครอบครองแล้วนำไปขายให้แก่ผู้มีชื่อ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดลักษณะลักทรัพย์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ
โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วางโทษจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษและลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรได้หรือไม่ และสมควรที่ศาลฎีกาจะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสอบถามคำให้การจำเลยใหม่หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียว เพราะความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดคนละฐานกันจะลงโทษจำเลยทั้งสองฐานความผิดดังกล่าวย่อมไม่ได้ คำรับสารภาพของจำเลยที่ขอให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการนั้นไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานใด แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นแบบพิมพ์สำหรับคำให้การจำเลยที่โรเนียวไว้ล่วงหน้าก็ตาม ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งของจำเลยเมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงลงโทษจำเลยไม่ได้เมื่อศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ซึ่งโจทก์ได้ลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณานั้นแล้วหากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลชั้นต้นจดไว้ไม่ชัดแจ้ง โจทก์ชอบที่จะคัดค้านหรือแถลงขอสืบพยานต่อไปเพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำความผิดของจำเลย คดีจึงไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามคำให้การของจำเลยใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน