คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20446/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะให้การว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลแรงงาน แต่ในรายงานกระบวนพิจารณาจำเลยยอมรับว่าเป็นลูกจ้างโจทก์จริง และศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับเดียวกันนั้นโดยไม่ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทเรื่องอำนาจศาลไว้ด้วย จำเลยไม่โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อนี้แล้ว การที่จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าวแม้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรไม่วินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน จำนวน 1,803,097 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 1,216,527 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,780,957 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 1,216,527 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 16 มกราคม 2549) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ข้อ 1 ของจำเลยว่าการที่ศาลแรงงานกลางมิได้ส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 9 วรรคสอง ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แม้จำเลยจะให้การต่อสู้เรื่องอำนาจศาล แต่ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 จำเลยยอมรับว่าเป็นลูกจ้างโจทก์จริง แล้วศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับเดียวกันนั้นโดยมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทเรื่องอำนาจศาลไว้ จำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อนี้แล้ว การที่จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าว แม้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรไม่วินิจฉัยให้
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย

Share