แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองออกเช็ค พิพาททั้งสามฉบับเพื่อเป็นการชำระหนี้ให้แก่ผู้มีชื่อ และผู้มีชื่อ นำเช็ค พิพาท ทั้งสามฉบับ มาชำระหนี้ให้แก่โจทก์โดย ไม่บรรยายว่า หนี้ที่จำเลยทั้งสองและผู้มีชื่อ ชำระนั้นเป็นหนี้ค่าอะไร เป็นฟ้องที่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 158(5).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้ปรับจำเลยที่ 1 กระทงละ 10,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 1 เดือนรวม 3 กระทง เป็นปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 30,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 เดือน
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาททั้งสามฉบับเพื่อเป็นการชำระหนี้ให้แก่ผู้มีชื่อ และผู้มีชื่อนำเช็คพิพาททั้งสามฉบับมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โดยไม่บรรยายว่า หนี้ที่จำเลยทั้งสองและผู้มีชื่อชำระนั้นเป็นหนี้ค่าอะไร ฟ้องของโจทก์จึงขาดรายละเอียดที่จะทำให้จำเลยเข้าใจและต่อสู้คดีได้ดี เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) นั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฟ้องของโจทก์บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ส่วนหนี้ที่จำเลยทั้งสองและผู้มีชื่อชำระด้วยเช็คพิพาททั้งสามฉบับเป็นหนี้ค่าอะไรนั้น ถึงแม้โจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่าเป็นหนี้ค่าอะไร ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟ้องของโจทก์ที่สมบูรณ์อยู่แล้วกลายเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา…”
พิพากษายืน.