คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2037/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะเกิดในราชอาณาจักรไทยแต่โจทก์ก็เกิดระหว่างที่บิดามารดาของโจทก์เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและเข้ามาโดยไม่ชอบตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโจทก์จึงถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 (2) และ (3) แล้วดังนั้นการที่จำเลยจดชื่อโจทก์ลงในทะเบียนคนญวนอพยพและยึดบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ไว้จึงเป็นการกระทำตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บิดามารดาโจทก์เป็นคนสัญชาติญวน มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว โดยเข้ามาในราชอาณาจักรไทยถูกต้องตามกฎหมายโจทก์เกิดในราชอาณาจักรไทย จึงมีสัญชาติไทย และมีที่อยู่ในจังหวัดอุบลราชธานีกับมีบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว แต่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ โดยคำสั่งของจำเลยที่ ๑ ได้จดชื่อโจทก์เข้าไว้ในทะเบียนคนญวนอพยพจังหวัดยโสธร พร้อมทั้งยึดบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ไป ขอศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามถอนหรือจำหน่ายชื่อโจทก์ออกจากทะเบียนคนญวนอพยบและคืนบัตรประจำตัวประชาชนที่ยึดไปให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า บิดามารดาโจทก์เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาจึงได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้โดยชอบ โจทก์เกิดก่อนที่บิดามารดาของโจทก์จะได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่จึงไม่ได้สัญชาติไทยและถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๓๓๗ แล้ว จำเลยที่ ๓ เป็นผู้กระทำการตามโจทก์ฟ้องตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานีบิดามารดาของโจทก์หลบหนีภัยสงครามจากประเทศอินโดจีนของฝรั่งเศส (ประเทศลาว)เข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ ๑๒ และ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๙ ตามลำดับและบิดามารดาโจทก์ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๔๙๒ เมื่อปรากฏว่าโจทก์เกิดวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๔๙๒ อันเป็นเวลาระหว่างที่บิดามารดาของโจทก์เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวและเข้ามาโดยไม่ชอบตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง แม้โจทก์จะได้รับบัตรประจำตัวประชาชนในภายหลังโดยอ้างว่าได้สัญชาติไทยตามหลักดินแดน โจทก์ได้ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๗ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ข้อ ๑ (๒) และ (๓) แล้ว การที่จำเลยที่ ๓ จดชื่อโจทก์ลงในทะเบียนคนญวนอพยพและยึดบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ไว้เป็นการกระทำตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ จึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒
พิพากษายืน

Share