แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้คัดค้านยังยืนกรานเป็นพนักงานรายชั่วโมงเพียงคนเดียวในกิจการของผู้ร้องโดยอ้างเหตุว่าการปรับเปลี่ยนพนักงานรายชั่วโมงเป็นพนักงานรายเดือนเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ผู้ร้องไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ผู้ร้องแก้ไขเพิ่มเติมสภาพการจ้างโดยพลการ ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย ทั้งที่ผู้คัดค้านรู้อยู่ว่ายอดรายได้ในฐานะพนักงานรายเดือนสูงกว่ายอดรายได้ในฐานะพนักงานรายชั่วโมง การเป็นพนักงานรายเดือนเป็นคุณแก่ผู้คัดค้านและพนักงานของผู้ร้องยิ่งกว่าการเป็นพนักงานรายชั่วโมง ไม่ต้องห้ามมิให้ผู้ร้องทำสัญญาจ้างแรงงานกับพนักงานเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างจากพนักงานรายชั่วโมงเป็นพนักงานรายเดือนตามมาตรา 20 ก่อนการปรับเปลี่ยนผู้ร้องได้มีการประชุมชี้แจงและมีหนังสือชี้แจงความเสียหายของผู้ร้องต่อผู้คัดค้านแล้ว ผู้คัดค้านก็ไม่ยอมรับฟังเหตุผล ยังยืนยันที่จะเป็นพนักงานรายชั่วโมงให้ได้ ไม่ใช่กรณีผู้ร้องกลั่นแกล้งผู้คัดค้าน แต่เป็นกรณีที่ผู้ร้องกับผู้คัดค้านทำงานร่วมกันต่อไปไม่ได้โดยเหตุอันเกิดจากผู้คัดค้าน ทำให้ผู้ร้องเสียหายและเป็นการขัดขวางการพัฒนาบริษัทของผู้ร้อง มีเหตุอันสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบริษัทสังกัดกลุ่มสยามมิชลินกรุ๊ป มีนโยบายและการบริหารงานบุคคลเป็นระบบเดียวกัน คณะกรรมการบริหารของผู้ร้องมีมติและคำสั่งให้ผู้ร้องปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคลในด้านระบบการจ่ายเงินเดือน การจัดทำระบบบัญชี การลดงานซ้ำซ้อนและไม่จำเป็นลง และต่อมาได้มีการนำระบบการจ่ายเงินเดือนผ่าน MEDIA CLEARING มาใช้โดยสำนักงานบุคคลสยามมิชลินกรุ๊ปเป็นผู้จ่ายเงินเดือนของพนักงานทุกคนของทุกบริษัท อันทำให้สามารถลดขั้นตอนการทำงานและลดเวลาการทำงานของทั้งฝ่ายบัญชีการเงินและฝ่ายบุคคลได้เป็นอย่างดี โดยปรับเปลี่ยนระบบการจ่ายเงินเดือนจากพนักงานประเภทอื่นมาเป็นพนักงานรายเดือนรวม 5,400 คน นั้น พนักงานของผู้ร้องส่วนใหญ่เห็นด้วยและยินยอมเข้าสู่ระบบการจ่ายเงินเป็นรายเดือน คงมีแต่ผู้คัดค้านในคดีนี้ซึ่งได้รับค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงที่ยังเหลืออยู่เพียงคนเดียวและเป็นกรรมการลูกจ้างของผู้ร้องไม่ยินยอมที่จะเข้าสู่ระบบ ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายหลายประการ ผู้ร้องมีหนังสือชี้แจงและแจ้งเตือนผู้คัดค้านหลายครั้งแล้ว แต่ผู้คัดค้านก็ยังไม่ยินยอมเข้าสู่ระบบ การกระทำของผู้คัดค้านดังกล่าวจึงเป็นการขัดขวางการพัฒนาบริษัทของผู้ร้องและเป็นการกระทำผิดวินัยตามข้อบังคับการบริหารงานบุคคลของผู้ร้องอย่างร้ายแรง ผู้ร้องขออนุญาตเลิกจ้างผู้คัดค้าน ให้ผู้คัดค้านรับค่าชดเชย 142,584 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 11,406.72 บาท
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ผู้ร้องจำเป็นต้องทำให้การบริหารงานของผู้ร้องเป็นระบบเดียวกับบริษัทในเครือตามหลักการบริหารทั่วไป ไม่ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นการขัดขวางการบริหารงานที่ควรเป็นระบบเดียวกันทั้งหมด เป็นการกระทำผิดกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของผู้ร้องอย่างร้ายแรง ผู้คัดค้านไม่สามารถทำงานกับผู้ร้องอีกต่อไปได้ พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 52 ให้ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านหรือไม่เท่านั้น ศาลไม่อาจมีอำนาจก้าวล่วงไปวินิจฉัยว่าเมื่อเลิกจ้างแล้วจะต้องจ่ายเงินตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 หรือไม่ มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างนายฐณเกียรติหรือสมเกียรติผู้คัดค้านได้ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ผู้คัดค้านอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านหรือไม่ เห็นว่า การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 52 นายจ้างต้องมีเหตุจำเป็นหรือเหตุอันสมควรที่จะเลิกจ้าง โดยเหตุนั้นอาจเกิดจากกรรมการลูกจ้าง หรือจากทางฝ่ายนายจ้าง หรือบุคคลภายนอกก็ได้ ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันได้ความว่าผู้ร้องมีพนักงาน (ลูกจ้าง) ประมาณ 1,300 คน มีผู้คัดค้านเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมรับเปลี่ยนจากพนักงานรายชั่วโมงเป็นพนักงานรายเดือน ผู้คัดค้านยอมรับว่ายอดรายได้รวมของผู้คัดค้านในฐานะพนักงานรายเดือนสูงกว่ายอดรายรับรวมในฐานะพนักงานรายชั่วโมง ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงพนักงานรายชั่วโมงเป็นรายเดือนผู้ร้องได้ประชุมพนักงานแล้ว ความเสียหายที่ผู้ร้องได้รับจากการที่ผู้คัดค้านไม่ยอมปรับเปลี่ยนไปเป็นพนักงานรายเดือนตามคำร้องและหนังสือที่ผู้ร้องมีถึงผู้คัดค้านซึ่งผู้คัดค้านไม่ได้โต้แย้งกล่าวคือการบริหารค่าจ้างในตำแหน่งเดียวกันมี 2 ระบบ การคำนวณค่าจ้างของพนักงานอื่นใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่ของผู้คัดค้านต้องแยกมาทำด้วยมือ ไม่สามารถจ่ายค่าจ้างของผู้คัดค้านออนไลน์ผ่านระบบ MEDIA CLEARING ของธนาคารซิตี้แบ็งค์และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ ผู้ร้องไม่สามารถปิดบัญชีต้นทุนการผลิตในระบบคอมพิวเตอร์ได้ ต้องปรับยอดบัญชีทุกเดือน ทำให้เสี่ยงต่อความผิดพลาดสูง ไม่สามารถใช้ระบบบันทึกเวลาของผู้คัดค้านด้วยระบบ BARCODE เหมือนพนักงานรายเดือน และผู้ร้องต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบริหารค่าจ้างให้ผู้คัดค้านเพียงคนเดียว การที่ผู้คัดค้านยังยืนกรานเป็นพนักงานรายชั่วโมงเพียงคนเดียวในกิจการของผู้ร้องโดยอ้างเหตุว่าการปรับเปลี่ยนพนักงานรายชั่วโมงเป็นพนักงานรายเดือนเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ผู้ร้องไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ผู้ร้องแก้ไขเพิ่มเติมสภาพการจ้างโดยพลการ ไม่มีผลบังคับตามกฎหมายดังที่ปรากฏในคำคัดค้านของผู้คัดค้าน ทั้งที่ผู้คัดค้านรู้อยู่ว่ายอดรายได้ในฐานะพนักงานรายเดือนสูงกว่ายอดรายได้ในฐานะพนักงานรายชั่วโมง การเป็นพนักงานรายเดือนเป็นคุณแก่ผู้คัดค้านและพนักงานของผู้ร้องยิ่งกว่าการเป็นพนักงานรายชั่วโมง ไม่ต้องห้ามมิให้ผู้ร้องทำสัญญาจ้างแรงงานกับพนักงานเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างจากพนักงานรายชั่วโมงเป็นพนักงานรายเดือนตามมาตรา 20 ประกอบกับก่อนการปรับเปลี่ยนผู้ร้องได้มีการประชุมชี้แจงและมีหนังสือชี้แจงความเสียหายของผู้ร้องแล้ว ผู้คัดค้านก็ไม่ยอมรับฟังเหตุผล ยังยืนยันที่จะเป็นพนักงานรายชั่วโมงให้ได้ ไม่ใช่กรณีผู้ร้องกลั่นแกล้งผู้คัดค้าน แต่เป็นกรณีผู้ร้องกับผู้คัดค้านทำงานร่วมกันต่อไปไม่ได้โดยเหตุอันเกิดจากผู้คัดค้าน ทำให้ผู้ร้องเสียหายและเป็นการขัดขวางการพัฒนาบริษัทของผู้ร้อง มีเหตุอันสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไปว่าการกระทำของผู้คัดค้านเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรงหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง อุทธรณ์ของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.