แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลมีคำสั่งให้โจทก์จำเลยตรวจสอบเอกสาร และกำหนดเวลาให้จำเลยคัดค้านความไม่ถูกต้องของเอกสารและยอด เงินเป็นหนี้ที่โจทก์ฟ้อง หากจำเลยไม่แถลงให้ถือว่าถูกต้องเมื่อปรากฏว่าการยื่นคำร้องขอขยายเวลาตรวจสอบเอกสารของจำเลยมิได้มอบ ฉันทะให้ผู้ใดมายื่นแทน เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 64 ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องนั้นโดยหลงผิดว่าได้มีการยื่นคำร้องโดยชอบแล้ว จึงมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 เมื่อศาลได้เพิกถอนคำสั่งและยกคำร้องของจำเลยเสียแล้วก็เสมือนจำเลยไม่แถลงศาลถึงความไม่ถูกต้องของบัญชี โจทก์ตามคำสั่งศาล กรณีต้องถือว่าจำเลยได้ยอมรับยอดหนี้ตามฟ้องของโจทก์เป็นการถูกต้องแล้ว
เจ้าพนักงานศาลไม่มีหน้าที่ทักท้วงหรือแนะนำคู่ความในกระบวนความแต่อย่างใด เป็นหน้าที่ของคู่ความจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายที่บังคับไว้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้อื่นจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้ต่อ โจทก์ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามบัญชีกระแสรายวันเลขที่ ๕๕ เป็นเงิน ๗,๑๖๖,๕๗๔.๕๙ บาท และจำเลยได้ออกตั๋วแลกเงินและออกเช็คสั่งจ่ายเงิน จนถึงวันฟ้องจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๑๔,๑๒๓,๓๖๙.๓๔ บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมกับดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่าไม่ได้เป็นหนี้โจทก์เป็นจำนวนเงินถึง ๑๔,๑๒๓,๓๖๙.๓๔ บาท
ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยแถลงว่าหากได้ตรวจเอกสารให้หมดแล้วอาจตกลงกับโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าถ้าคู่ความได้ตรวจเอกสารต่อหน้าศาลก็อาจทำให้การพิจารณาสะดวกและรวดเร็วขึ้น จึงนัดให้คู่ความทำการตรวจเอกสารกันที่ศาลหากมีการผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสารที่โจทก์อ้าง ให้จำเลยแถลงให้ศาลทราบได้มีการตรวจเอกสารกัน ๕ ครั้งแล้วในวันนัดตรวจเอกสารต่อมาวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๕ ศาลชั้นต้นสั่งว่าถ้าจำเลยจะโต้แย้งความไม่ถูกต้องเอกสารหลักฐานของโจทก์ให้จำเลยทำคำแถลงยื่นต่อศาลภายใน ๓๐ วันหากจำเลยไม่แถลงภายในกำหนดดังกล่าวศาลจะถือว่าจำเลยไม่คัดค้านความไม่ถูกต้องของเอกสารและจำนวนยอดหนี้ของโจทก์และให้นัดพร้อมในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ครั้นวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาการทำการตรวจสอบและคิดยอดเงินที่เป็นหนี้โจทก์ต่อไปอีก ๒ เดือน ในวันนัดพร้อมที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาตรวจสอบเอกสารไปอีก ๓๐ วัน หากพ้นกำหนดแล้วจำเลยไม่แถลงถึงความไม่ถูกต้องของบัญชีโจทก์ ถือว่าจำเลยรับยอดหนี้ตามฟ้องของโจทก์ว่าถูกต้องแล้ว และให้นัดพร้อมวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๑๖ วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๑๕ ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าได้ให้นักบัญชีตรวจสอบแล้วปรากฏว่ามีค่าดอกเบี้ยผิดพลาด ๕ แห่ง ขอขยายเวลาตรวจสอบบัญชีต่อไปอีก ๒ เดือน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและให้นัดพร้อมในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๑๖ ในวันเดียวกันนั้นเอง ความปรากฏแก่ศาลโดยพนักงานศาลรายงานว่า คำร้องลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๑๕ ของจำเลยดังกล่าวจำเลยหรือทนายจำเลยไม่ได้นำมายื่นต่อศาลด้วยตนเองได้มอบให้บุคคลอื่นมายื่นแทนโดยไม่มีใบ มอบฉันทะ ศาลชั้นต้นจึงเพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้ขยายเวลาตรวจสอบบัญชีออกไป และให้ยกคำร้องนั้นเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๗ วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๑๖ คู่ความมาศาลตามที่นัดพร้อมไว้แต่เดิม ศาลสอบถามทนายจำเลยแถลงว่าคำร้องฉบับลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๑๕ นั้น ทนายจำเลยได้ให้นายประมุข เจริญพานิช น้องชายทนายจำเลยนำมายื่นต่อศาลโดยลืมทำใบมอบฉันทะมาด้วย ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๖๔ จึงให้ถือว่าจำเลยไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องยอดเงินหนี้ของโจทก์และถือว่าจำเลยยอมรับยอดหนี้ของโจทก์ถูกต้องแล้วตามคำสั่งในรายงานพิจารณาลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๕ และฉบับลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องสืบพยานกันต่อไป ให้นัดฟังคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้เงินจำนวน ๑๔,๑๒๓,๓๖๙.๓๔ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๔ ต่อปีนับถัดจากวันฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อปรากฏว่าการยื่นคำร้องของจำเลยมิได้มอบฉันทะให้ผู้ใดมายื่นแทนเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๖๔ ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องนั้นโดยหลงผิดว่าได้มีการยื่นคำร้องโดยชอบแล้ว จึงมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ เจ้าพนักงานศาลไม่มีหน้าที่ที่จะทักท้วงหรือแนะนำคู่ความในกระบวนความแต่อย่างใด เป็นหน้าที่ของคู่ความจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายที่บังคับไว้เมื่อศาลได้เพิกถอนคำสั่งและให้ยกคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๑๕ เสียแล้ว ก็เสมือนจำเลยมิได้แถลงศาลถึงความไม่ถูกต้องของบัญชีโจทก์ ตามคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๕ และ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ กรณีต้องฟังว่าจำเลยได้ยอมรับยอดหนี้ตามฟ้องของโจทก์เป็นการถูกต้องแล้ว
พิพากษายืน