คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายข้อความไว้ชัดแจ้งแล้วว่า โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายและเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย ไม่มีทางจะวินิจฉัยไปได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัว เช่นนี้ ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ย่อมขอบังคับแก่จำเลยได้ไม่จำต้องบรรยายคำขอท้ายฟ้องซ้ำอีกว่า ให้จำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจ่าสิบตำรวจวิเชียรผู้ตายและเป็นทายาทโดยธรรม ผู้ตายได้กู้ยืมเงินจากโจทก์สองคราวจำนวน 1,000 บาทและ 7,000 บาท ผู้ตายไม่เคยชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ต่อมาผู้ตายถึงแก่กรรมโจทก์ได้ทวงถามจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายแต่จำเลยไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า คำขอท้ายฟ้องขอบังคับให้จำเลยรับผิดเป็นส่วนตัว จำเลยไม่ได้รับทรัพย์มรดกของผู้ตาย และต่อสู้ในข้ออื่นอีก ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายรับผิดในหนี้รายนี้ชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ว่า ฟ้องโจทก์ใส่ชื่อจำเลยและคำขอท้ายฟ้องไม่ได้แสดงฐานะอย่างอื่นไว้ ต้องถือว่าฟ้องในฐานะส่วนตัวซึ่งจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์เป็นส่วนตัวจึงไม่ต้องรับผิดว่า ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายข้อความไว้ชัดแจ้งแล้วว่าโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายและเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย ไม่มีทางจะวินิจฉัยไปได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งแล้วเช่นนี้ในคำขออท้ายฟ้องโจทก์ย่อมขอบังคับเอาแก่จำเลยได้ ไม่จำต้องบรรยายคำขอท้ายฟ้องซ้ำอีกว่า ให้จำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายรับผิด ฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยชำระหนี้จึงชอบแล้วคำพิพากษาฎีกาที่ 392/2489 รูปคดีไม่ตรงกับคดีนี้

พิพากษายืน

Share