คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อที่ผู้ร้องอุทธรณ์ขึ้นมาด้วยเมื่อข้อเท็จจริง มีอยู่ในสำนวนครบถ้วนแล้วศาลฎีกาวินิจฉัยไปได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวน ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงนายอำเภอให้โอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้ โจทก์แม้จะเป็นการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลแต่ทรัพย์ดังกล่าวถูก เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ตามหมายบังคับคดีในอีกคดีหนึ่งอยู่ในระหว่างรอการขายทอดตลาดศาลมีคำสั่งโดยผู้ร้องไม่ยินยอมด้วยทำให้ผู้ร้องซึ่งกำลังบังคับคดีอยู่ในคดีดังกล่าวได้รับความเสียหายจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและสั่งเพิกถอนคำสั่งศาลที่สั่งให้เจ้าพนักงานทำนิติกรรมโอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้โจทก์และเพิกถอนการจดทะเบียนของโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามอุทธรณ์ของผู้ร้องได้กล่าวเท้าความถึงคำร้องขอ คำสั่งศาลชั้นต้น และไม่เห็นด้วยในคำสั่งนั้น ขออุทธรณ์คัดค้านคำสั่ง รวม 3 ข้อคือ (1) ที่ศาลชั้นต้นสั่งอำเภอทุ่งสงโอนที่ดินและโรงเรือนให้โจทก์ยังผลให้เป็นการเพิกถอนการยึดทรัพย์ และคำสั่งห้ามโอน (ห้ามทำนิติกรรม) ที่ดินและโรงเรือนเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (2) โจทก์คดีนี้และผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 504/2517ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชต่างฟ้องจำเลยขอให้โอนที่ดินและโรงเรือนให้ตน ซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยโอนให้โจทก์คดีนี้และโอนให้ผู้ร้องด้วย คำพิพากษาทั้งสองขัดกัน ต้องถือตามคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลที่สูงกว่า คือ ต้องโอนให้ผู้ร้อง (3) ข้อเท็จจริงอื่น ๆ หากปรากฏศาลก็อาจสั่งเพิกถอนได้ หากปรากฏว่าศาลสั่งผิดพลาดก็อาจเพิกถอนเสียเองได้โดยไม่ต้องให้ผู้ต้องเสียหายไปว่ากล่าวกันใหม่ จึงขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ไต่สวนคำร้อง แล้วมีคำสั่งต่อไปตามที่ผู้ร้องร้องขอ พิเคราะห์อุทธรณ์ดังกล่าวแล้วเห็นได้ว่าผู้ร้องประสงค์ขอให้ศาลไต่สวนและสั่งเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้โอนที่ดินและโรงเรือนให้โจทก์ กับเพิกถอนการจดทะเบียนตามคำสั่งศาลนั่นเอง หาใช่ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนก่อนมีคำสั่งเพียงประการเดียวไม่ ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น โดยเหตุที่ผู้ร้องฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้โอนที่ดินและโรงเรือนพิพาท กับขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมตามคำสั่งนั้นขึ้นมาด้วย และข้อเท็จจริงมีอยู่ในสำนวนครบถ้วนแล้ว ศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่

ข้อเท็จจริงตามท้องสำนวนได้ความว่า เดิมผู้ร้องฟ้องจำเลยขอให้โอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขายสำนวนหนึ่ง และฟ้องจำเลยกับพวกเรียกเงินตามสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันอีกสำนวนหนึ่ง หลังจากผู้ร้องฟ้องจำเลยกับพวกเรียกเงินตามสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันประมาณ 2 เดือน โจทก์ก็ฟ้องจำเลยขอให้โอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายเช่นเดียวกัน คดีเรื่องเงินกู้ตกลงประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมชำระเงินตามฟ้องปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 512/2516 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อมาศาลพิพากษาคดีของโจทก์ให้โจทก์ชนะ โดยให้จำเลยโอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้โจทก์ ถ้าโอนไม่ได้ให้ใช้เงินคืน ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 601/2516 (คือคดีนี้) คดีถึงที่สุดเพียงศาลชั้นต้น เพราะศาลไม่อนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถา และจำเลยไม่วางเงินค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลสำหรับคดีเรื่องเงินกู้จำเลยไม่ชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความผู้ร้องขอบังคับคดียึดที่ดินและโรงเรือนพิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานบังคับคดียึดและแจ้งการยึดให้นายอำเภอทุ่งสงทราบ ตามหนังสือที่ 1551/2517 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม2517 แต่ผู้ร้องขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อน ต่อมาคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยขอให้โอนที่ดินและโรงเรือนตามสัญญาจะซื้อขาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 504/2517 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยอุทธรณ์ฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 504/2517 แล้ว โจทก์ก็ของบังคับคดีใหม่อีกโดยขอให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือแจ้งอำเภอให้ทำการโอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้โจทก์ อำเภอแจ้งข้อขัดข้องมาว่าที่ดินและโรงเรือนพิพาทถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 512/2516 ยังไม่ได้ถอนการยึด และคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 504/2518 (ที่ถูกเป็น 504/2517) ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ทุเลาการบังคับ แต่ห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินและโรงเรือนพิพาททรัพย์ดังกล่าวทุกคดีเป็นทรัพย์รายเดียวกัน ขอให้ศาลแจ้งไปให้อำเภอทราบอีกครั้งหนึ่งว่าจะโอนให้โจทก์ได้หรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งให้อำเภอจัดการโอนให้โจทก์ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งไปนั้นไม่ถูกต้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งและเพิกถอนการจดทะเบียนของอำเภอทุ่งสงด้วย

ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงนายอำเภอทุ่งสงให้โอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้โจทก์ แม้จะเป็นการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลแต่ทรัพย์ดังกล่าวถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ตามหมายบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 512/2516 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ในระหว่างรอการขายทอดตลาด ศาลมีคำสั่งโดยผู้ร้องไม่ยินยอมด้วย ทำให้ผู้ร้องซึ่งกำลังบังคับคดีอยู่ในคดีดังกล่าวได้รับความเสียหาย เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ

พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งนายอำเภอทุ่งสงโอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้โจทก์ ตามหนังสือศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ 969/2521 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2521 และให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมของอำเภอทุ่งสงตามคำสั่งดังกล่าวด้วย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ”

Share