คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีอาวุธปืนของกลางที่จำเลยนำไปขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 3 และนายทะเบียนท้องที่ได้รับคำขออนุญาตของจำเลยไว้แล้ว แต่นายทะเบียนยังไม่ออกใบอนุญาตให้มีและใช้ และมีกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนของกลางด้วย ดังนี้ เฉพาะอาวุธปืนนั้น จำเลยได้นำไปขอจดทะเบียนไว้แล้วภายในกำหนดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ การที่นายทะเบียนผู้รับขึ้นทะเบียนมอบคืนอาวุธปืนให้จำเลยเก็บรักษาไว้ก่อนจนกว่าจะออกใบอนุญาตให้นั้น ต้องถือว่าจำเลยเก็บรักษาอาวุธปืนนั้นไว้แทนนายทะเบียน จำเลยจึงหามีความผิดฐานมีอาวุธปืนกระบอกนั้นไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่อีกไม่ ส่วนกระสุนปืนนั้น จำเลยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีและไม่ปรากฏว่าจำเลยนำกระสุนปืนไปขอรับอนุญาต ทั้งจำเลยยังไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืน กรณีจึงไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8 จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีอาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอกซึ่งเป็นอาวุธปืนที่จำเลยได้นำไปขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 และนายทะเบียนท้องที่ได้รับคำขออนุญาตขึ้นบัญชีไว้แล้ว ตามบัญชีหมายเลข นศ.4/5859 แต่เป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนท้องที่ยังไม่ได้ออกใบอนุญาตให้ผู้ใดมีและใช้ได้ตามกฎหมาย และมีกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 5 นัด ซึ่งอาวุธปืนและกระสุนปืนนี้ใช้ยิงได้ไว้ในความครอบครองของจำเลยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยได้บังอาจพกพาอาวุธปืนและกระสุนปืนนี้ไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 371 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 พ.ศ. 2514 ข้อ 2 และริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท และปรับฐานพกพาอาวุธปืนอีก100 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 1,050 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามมาตรา 29, 30 ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยมีอาวุธปืนของกลางที่จำเลยนำไปขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 3 และนายทะเบียนท้องที่ได้รับคำขออนุญาตของจำเลยไว้แล้ว แต่เป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนยังไม่ออกใบอนุญาตให้มีและใช้ และจำเลยมีกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 5 นัด ที่ใช้กับอาวุธปืนของกลางไว้ในความครอบครอง ต่อมาจำเลยได้พกอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางดังกล่าวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เฉพาะอาวุธปืนพกขนาด .22 หมายเลขทะเบียน นศ.4/5859 นั้น จำเลยได้นำไปขอจดทะเบียนไว้แล้วภายในกำหนดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษการที่นายทะเบียนผู้รับขึ้นทะเบียนมอบคืนอาวุธปืนให้จำเลยเก็บรักษาไว้ก่อนจนกว่าจะออกใบอนุญาตให้นั้นต้องถือว่าจำเลยเก็บรักษาอาวุธปืนนั้นไว้แทนนายทะเบียน จำเลยจึงหามีความผิดฐานมีอาวุธปืนกระบอกนั้นไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่อีกไม่

ส่วนกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 5 นัดที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องนั้น จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนให้มี และไม่ปรากฏว่าจำเลยนำกระสุนปืนจำนวน 5 นัดของกลางไปขอรับอนุญาตทั้งจำเลยยังไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนดังกล่าวแล้ว กรณีจึงไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ดังที่โจทก์ฟ้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 ให้ปรับ 200 บาท จำเลยรับสารภาพ เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 100 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share