คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สเปรย์พริกไทย ผลิตขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้ฉีดพ่นเพื่อยับยั้งบุคคลหรือสัตว์ร้ายมิให้เข้าใกล้หรือทำอันตรายผู้อื่น ผู้ที่ถูกฉีดพ่นสารในกระป๋องสเปรย์ใส่จะมีอาการสำลัก จาม ระคายเคืองหรือแสบตา หลังจากนั้นไม่นานก็สามารถหายเป็นปกติได้ เห็นได้ว่า การผลิตสเปรย์พริกไทยดังกล่าว มิได้ผลิตขึ้นเพื่อทำร้ายผู้ใด จึงไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ ทั้งไม่อาจใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ สเปรย์พริกไทยจึงไม่เป็นอาวุธตามความหมายของ ป.อ. มาตรา 1 (5)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2548 เวลา 9.45 นาฬิกา ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจประจำศาลกับเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง กาญจนบุรีที่ศาลชั้นต้นขอความอนุเคราะห์ให้ร่วมรักษาความปลอดภัยกำลังนำตัวดาบตำรวจสมชาย จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1747/2548 ของศาลชั้นต้น ขึ้นรถยนต์ของเรือนจำจะไปส่งที่เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ได้เกิดการชุลมุนระหว่างผู้สื่อข่าวและเจ้าพนักงานตำรวจผู้ควบคุมตัวจำเลย และปรากฏว่า กระป๋องสเปรย์พริกไทยซึ่งสิบตำรวจเอกพัฒนา ตำรวจนอกเครื่องแบบทีมาร่วมรักษาความปลอดภัยนำติดตัวมาด้วย ได้ฉีดพ่นสารภายในกระป๋องใส่นายวินัย ผู้สื่อข่าว ศาลชั้นต้นจึงเรียกสิบตำรวจเอกพัฒนาผู้ถูกกล่าวหามาไต่สวนฐานประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ถูกกล่าวหามีความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1), 33 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้ลงโทษปรับ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
ผู้ถูกกล่าวหาฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ถูกกล่าวหามีว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหานำกระป๋องสเปรย์พริกไทยดังกล่าวเข้าไปในบริเวณศาลชั้นต้นเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลหรือไม่ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาฎีกาว่า สเปรย์พริกไทยไม่ใช่อาวุธการนำสเปรย์พริกไทยเข้าไปในบริเวณศาล ไม่เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (5) อาวุธ หมายความรวมถึงสิ่งซึ่งไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ แต่ซึ่งได้ใช้หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ สำหรับสเปรย์พริกไทยได้ความว่า ผลิตขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้ฉีดพ่นเพื่อยับยั้งบุคคลหรือสัตว์ร้ายมิให้เข้าใกล้หรือทำอันตรายผู้อื่น ผู้ที่ถูกฉีดพ่นสารในกระป๋องสเปรย์ใส่จะมีอาการสำลัก จาม ระคายเคืองหรือแสบตา หลังจากนั้นไม่นานก็สามารถหายเป็นปกติได้ เห็นได้ว่า การผลิตสเปรย์พริกไทยดังกล่าว มิได้ผลิตขึ้นเพื่อทำร้ายผู้ใด จึงไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ ทั้งไม่อาจใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ สเปรย์พริกไทยจึงไม่เป็นอาวุธตามความหมายของบทกฎหมายข้างต้นด้วยเช่นกัน การที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้าไปในบริเวณศาลชั้นต้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงานประจำศาลชั้นต้นขอความร่วมมือไปยังผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาญจนบุรี การที่ผู้ถูกกล่าวหานำกระป๋องสเปรย์พริกไทยเข้าไปในบริเวณศาลชั้นต้น จึงไม่เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกข้อกล่าวหา

Share