คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหมายเลข 5-6 และ 7 ออกจากที่พิพาท โจทก์จึงมาขอให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้เฉพาะห้องหมายเลข 5 เมื่อปรากฏว่าจำเลยรื้อไปเพียง 3 ด้าน เหลือด้านที่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยไว้หนึ่งด้าน แล้วจำเลยกลับทำต่อเติมติดต่อกับเรือนของจำเลยเป็นเหตุให้ชายคาน้ำตกที่ต่อเติมล้ำเข้าไปในที่พิพาทของโจทก์ดังนี้แม้ในคำพิพากษาจะมิได้วินิจฉัยเกี่ยวถึงเรื่องการรุกล้ำชายคาน้ำตกซึ่งมีอยู่ก่อนนั้นก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิ์ขอให้ศาลสั่งจำเลยรื้อชายคาน้ำตกส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ของโจทก์ได้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ และไม่เป็นการสั่งเกินคำขอ

ย่อยาว

คดีนี้อนุสนธิมาจากคดีแพ่งแดงที่ 288/2491 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาทและห้องแถวหมายเลข 1 ถึงเลข 4 ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องต่อไปและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหมายเลข 5, 6 และ 7 ออกจากที่พิพาทศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วันในการปฏิบัติตามคำบังคับนี้ได้มีผู้ยื่นคำร้องเข้ามาคือ นายระวิต.ชูรินทร์ และโจทก์

คดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะข้อที่โจทก์ยืนยันว่าจำเลยรื้อโรงเรือนหมายเลข 5 ไปเพียงบางส่วน ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อไปให้หมด

โจทก์ชี้ให้ศาลดูฝาด้านหลังบ้านจำเลยซึ่งล้ำหมุดเขตเข้ามาในที่พิพาท โจทก์ว่าฝาหลังบ้านจำเลยนี้เป็นฝาของโรงเรือนหมายเลข 5 ซึ่งจำเลยรื้อไป แต่ไม่รื้อฝาด้านนี้

จำเลยแถลงชั้นแรกว่า ฝาที่ว่านี้เป็นฝาเดิมของโรงเรือนหมายเลข 5 แล้วกลับแถลงใหม่ว่าเป็นฝาเดิมของจำเลย โดยโรงเรือนหมายเลข 5 มีฝา 3 ด้าน และจำเลยได้รื้อออกหมดสิ้นแล้วจำเลยแถลงรับต่อไปว่า ฝาซึ่งโต้เถียงกันนี้เดิมมีเพียงชั้นล่างบัดนี้จำเลยได้ทำต่อเติมขึ้นใหม่โดยของเดิมไม่มี

ศาลชั้นต้นเห็นว่าเรื่องนี้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างหมายเลข 5, 6 และ 7 ออกจากที่พิพาท จำเลยก็รับว่าที่ของจำเลยติดที่พิพาทโดยมีหลักหมุดเป็นเขต ปรากฏว่าฝาด้านหลังบ้านของจำเลยยังล้ำหลักหมุดเขตมุมด้านเหนือ 14 ซ.ม. ด้านใต้ 12 ซ.ม.ชายคาน้ำตกล้ำเข้าไปในที่พิพาท 38 ซ.ม.

จึงมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ล้ำเขตที่พิพาทออกไปภายใน 3 วัน

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้รื้อฝาที่ล้ำเข้าไปในที่พิพาท แต่ที่มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนชายคาน้ำตกเรือนของจำเลยซึ่งล้ำเข้าไปในที่พิพาทด้วยนั้น ไม่เห็นพ้องด้วย เพราะตามฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งแดงที่ 288/2491 หามีคำขอให้จำเลยรื้อถอนชายคาน้ำตกที่ล้ำเข้าไปในที่พิพาทและในคำพิพากษาศาลฎีกาก็หาได้วินิจฉัยเกี่ยวถึงเรื่องการรุกล้ำชายคาน้ำตกซึ่งมีอยู่ก่อนนั้นไม่ พิพากษาแก้ว่าในเรื่องบังคับให้จำเลยรื้อถอนชายคาน้ำตกที่ล้ำเข้าไปในที่พิพาทนั้นให้ยกเสียนอกนี้คงเดิม

โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำแถลงคู่ความฟังได้ว่า สิ่งปลูกสร้างหมายเลข 5 ของจำเลยซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษาให้จำเลยรื้อออกไปจากที่พิพาทมีฝา 4 ด้าน จำเลยรื้อไปเพียง 3 ด้าน เหลือด้านที่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยไว้ 1 ด้าน แล้วจำเลยกลับทำต่อเติมติดต่อกับเรือนของจำเลย เป็นเหตุให้ชายคาน้ำตกที่ต่อของโจทก์ซึ่งแสดงให้เห็นชัดว่าจำเลยจงใจประวิงเพื่อขัดขืนการบังคับคดีของศาล ไม่เห็นพ้องด้วยความเห็นศาลอุทธรณ์ เพราะการที่ชายคาน้ำตกล้ำเข้าไปในที่พิพาทของโจทก์นั้นก็เนื่องจากจำเลยรื้อฝาสิ่งปลูกสร้างหมายเลข 5 ออกไปไม่หมด 4 ด้าน เหลือไว้ 1 ด้านและก่อสร้างเพิ่มเติมฝาด้านที่เหลืออยู่จนเป็นเหตุให้ชายคาน้ำตกล้ำเข้าไปในที่พิพาทของโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นวัดได้ถึง 38 ซ.ม. โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับคดีในชั้นนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องฟ้องเป็นคดีใหม่พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share