คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการปลอมเลขหมายประจำเครื่องยนต์ และเลขหมายประจำตัวถัง ของรถจักรยานยนต์ของกลางโจทก์มีแต่ คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาแสดงต่อ ศาลเท่านั้น จะนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หาได้ หยิบยกเอาเฉพาะแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาวินิจฉัยเท่านั้น แต่ ยังนำพยานหลักฐานอื่นมาประกอบคำวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยได้ กระทำความผิดดังฟ้องจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่โต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสอง อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265 และคืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคแรก จำคุก 2 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือนคืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่เจ้าของ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกที่จำเลยฎีกาโดยอ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าคดีนี้ตามทางนำสืบของโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานโจทก์ปากใดรู้เห็นการปลอมแปลงขูดลบแก้ไขเลขหมายประจำเครื่องยนต์และเลขหมายประจำตัวถังขอรถจักรยานยนต์ของกลาง โดยโจทก์มีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยตามเอกสารหมาย ปจ.5 มาสืบแสดงต่อศาลเท่านั้น ซึ่งคำรับสารภาพดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนัก จะนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองนำเอาคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนมาฟังลงโทษจำเลย จึงเป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น ศาลฎีกาได้ตรวจดูข้อนำสืบของโจทก์จำเลยและข้อวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองโดยตลอดแล้วเห็นว่าศาลล่างทั้งสองหาได้หยิบยกเอาเฉพาะแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยตามเอกสารหมาย ปจ.5 มาวินิจฉัยคดีนี้ดังที่จำเลยกล่าวอ้างไม่ แต่ยังได้นำพยานหลักฐานอื่นที่โจทก์นำสืบอาทิ คำเบิกความของผู้เสียหาย มาประกอบการวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยได้กระทำความผิดดังโจทก์ฟ้องจริง เมื่อเป็นเช่นนี้ฎีกาของจำเลยแท้จริงจึงเป็นเรื่องที่โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสองอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย.

Share