แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งว่า ลายเซ็นใน ส.ค.1 ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย ครั้นเมื่อสืบพยานบุคคลของโจทก์แล้ว โจทก์ขอส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญพิสูจน์ว่าลายเซ็นใน ส.ค.1 นั้นใช่ลายเซ็นของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ให้สืบและตรวจพิสูจน์แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบแต่เมื่อปรากฏว่าในคดีแพ่งนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโดยมิได้ทำการยึดและรังวัดเขตให้แน่นอนประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเขตที่ดินที่โจทก์อ้างว่าได้จากการขายทอดตลาดนั้นแค่ไหนแน่ตาม ส.ค.1ไม่ปรากฏเขตแน่นอนเนื้อที่ก็เพียงประมาณผู้แจ้งการครอบครองจะได้ครอบครองแค่ไหนเพียงใด ก็ฟังเอาเป็นหลักฐานแน่นอนมิได้พยานที่เซ็นใน ส.ค.1 ก็ไม่ปรากฏว่าเซ็นกันอย่างไรไม่มีระเบียบแน่นอน ดังนี้ จึงต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นในท้องสำนวน ฉะนั้นถึงแม้จำเลยจะเซ็นชื่อในฐานพยานใน ส.ค.1 จริงก็มิได้เป็นหลักฐานเพิ่มพูนที่จะทำให้ฟังได้ว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาด มีเขตแค่ไหน แต่อย่างใด และถึงแม้ที่จำเลยเบิกความว่าลายเซ็นนั้นมิใช่ลายเซ็นของจำเลยอันเป็นความเท็จก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าวจำเลยยังไม่ผิด จึงไม่ต้องส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งเลขแดงที่ 139/2507ว่าลายเซ็นใน ส.ค.1 ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย อันเป็นประเด็นสำคัญซึ่งความจริงเป็นลายเซ็นของจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อสืบพยานบุคคลของโจทก์เสร็จแล้ว โจทก์จะขอให้ส่งแบบ ส.ค.1 เลขที่ 77 ไปขอให้ผู้ชำนาญพิสูจน์ว่าลายเซ็น “นายเปลี่ยน” ใน ส.ค.1 ใช่ลายเซ็นของจำเลยหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งตัดการส่งไปพิสูจน์ เมื่อสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ให้โจทก์ได้สืบผู้ชำนาญและดำเนินการส่งลายเซ็นของนายเปลี่ยนในแบบ ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์ แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียวเป็นการไม่ชอบ เพราะการตรวจพิสูจน์ลายเซ็นใน ส.ค.1 ดังกล่าวเป็นหลักฐานสำคัญในการที่จะพิจารณาว่าลายเซ็นนายเปลี่ยนใน ส.ค.1 เป็นลายเซ็นปลอมหรือไม่และการตรวจพิสูจน์ลายเซ็นดังกล่าวยังจะได้หลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการพิสูจน์มาประกอบการพิจารณาเช่น ภาพถ่ายลายเซ็นเป็นต้น ฉะนั้น ถ้าให้โจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้สิ้นกระแสความแล้ว รูปคดีอาจรับฟังได้ว่าลายเซ็นนายเปลี่ยนใน ส.ค.1 เป็นลายเซ็นอันแท้จริงของนายเปลี่ยนจำเลยได้ แต่เมื่อตรวจสำนวนคดีแพ่งเลขแดงที่ 139/2507 แล้ว เห็นว่าที่พิพาทตามทางพิจารณาปรากฏว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดโดยมิได้ทำการยึดและรังวัดเขตที่ดินให้แน่นอน ประเด็นสำคัญในคดีนั้นจึงอยู่ที่ว่า เขตที่ดินที่โจทก์อ้างว่าได้จากการขายทอดตลาดด้านใต้และเขตที่ดินของจำเลยด้านทิศเหนือมีเขตแค่ไหนแน่ ตาม ส.ค.1 เลขที่ 77 ระบุแต่เพียงว่า ด้านใต้จดที่ดินนางอุ่ม ไม่ปรากฏเขตแน่นอนเนื้อที่ก็เพียงประมาณเอาเท่านั้น ผู้แจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) จะได้ครอบครองที่ดินตามที่แจ้งแค่ไหนเพียงใด ก็ฟังเอาเป็นหลักฐานแน่นอนมิได้ พยานที่เซ็นใน ส.ค.1 ก็ไม่ปรากฏว่าเซ็นกันอย่างไร ไม่มีระเบียบอันแน่นอน การที่พิจารณาว่าเขตที่ดินตามที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดด้านใต้ และเขตที่ดินของจำเลยด้านเหนือมีเขตตรงไหนแน่ นั้น ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นในท้องสำนวน ศาลฎีกาจึงเห็นว่า ถึงแม้นายเปลี่ยนจะได้เซ็นชื่อในฐานเป็นพยานใน ส.ค.1 จริงก็มิได้เป็นหลักฐานเพิ่มพูนที่จะทำให้ฟังได้ว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดมีเขตแค่ไหนแต่อย่างใดฉะนั้น ถึงแม้จะฟังว่าลายเซ็นใน ส.ค.1 เป็นลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลย และที่จำเลยเบิกความว่าลายเซ็นนั้นมิใช่ลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลย อันเป็นความเท็จก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าวการกระทำของจำเลยยังไม่ผิดดังโจทก์ฟ้อง จึงไม่จำต้องส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์ต่อไป
พิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์