คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภรรยาโจทก์มอบแบบสัญญาเช่าที่โจทก์ลงชื่อแล้วในช่องผู้ให้เช่าให้จำเลยขอยืมไปเพื่อให้คนอื่นดู ต่อมาจำเลยกลับไปกรอกข้อความว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าห้องโดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยเช่นนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานปลอมเอกสาร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจนำแบบพิมพ์สัญญาเช่าซึ่งโจทก์ลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้ให้เช่าไปจัดการกรอกข้อความลงในช่องว่างทำให้แบบพิมพ์สัญญาเช่ามีข้อความว่าโจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่า เอกสารนั้นเป็นหลักฐานการเช่า น่าจะได้ทำกันด้วยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์ จึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กับภรรยาและจำเลยกับสามีได้ติดต่อเกี่ยวข้องกันอยู่โดยสามีจำเลยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างตึกแถวให้โจทก์ จำเลยมาช่วยสามีภายหลังได้ช่วยหาคนมาเช่าตึกแถวของโจทก์ด้วย โจทก์ให้จำเลยอาศัยอยู่ในตึกแถวที่สร้างนั้นห้องหนึ่งในระหว่างก่อสร้าง ต่อมาจำเลยมาขอยืมแบบสัญญาเช่าไปให้ผู้ที่จะขอเช่าใหม่ดู นางไสวภรรยาโจทก์ให้นางสาวชุลีย์หยิบสัญญาเช่าที่โจทก์ลงชื่อไว้แต่ยังมิได้กรอกข้อความให้จำเลยไป ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยเช่าห้องโจทก์ ในชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การเจือสมโจทก์ว่า โจทก์มอบสัญญาเช่าที่โจทก์ลงชื่อแล้วให้จำเลยไปกรอกรายการและหาพยานเอง ต่อมาในชั้นพิจารณา จำเลยจึงว่าโจทก์ลงชื่อให้ในสัญญานั้น นอกจากนี้การตกลงหักเงินกินเปล่า30,000 บาทสำหรับการเช่าห้องกับค่าก่อสร้างตามที่จำเลยอ้างก็ไม่อาจฟังได้ จึงน่าเชื่อว่านางไสวมอบแบบสัญญาที่โจทก์ลงชื่อแล้วให้จำเลยขอยืมไป ต่อมาจำเลยบอกว่าหายไปแล้ว จำเลยกลับไปจัดการกรอกรายการว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าห้องของโจทก์ พยานหลักฐานจำเลยไม่สามารถหักล้างได้จำเลยจึงมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว

Share