คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานพาเอาตัวเด็กไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้น ไม่จำต้องมีการได้มาซึ่งค่าไถ่หรือได้มีการเรียกค่าไถ่ เพียงแต่จำเลยมีเจตนากระทำผิดและมีเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ในการพาเอาตัวเด็กไปก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกอีกหนึ่งคนมีอาวุธติดตัวร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ บังอาจพรากเอาตัวเด็กชายจรูญ แซ่คู อายุ 4 ปีไปเสียจากบิดามารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควร และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังเด็กชายจรูญ แซ่คู ไว้ในความควบคุมของจำเลย ทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 313, 317, 83

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์แล้ว จำเลยที่ 3รับสารภาพในข้อหาพรากผู้เยาว์และหน่วงเหนี่ยวกักขัง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยทั้งสามผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 313, 317, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 11, 12 เป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 313 ประกอบด้วยมาตรา 90 จำคุกตลอดชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณามีประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 จำคุกจำเลยคนละ33 ปี 4 เดือน

จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทั้งสามผิดตามฟ้อง แต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุสมควรกำหนดโทษให้เบาลง พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 20 ปี ลดโทษตามมาตรา 78 คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 13 ปี4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ พรากเอาตัวเด็กชายจรูญไปเสียจากบิดามารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควร และหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ให้ปราศจากเสรีภาพจริง ส่วนในข้อที่จำเลยฎีกาว่าหลังจากจับเด็กชายจรูญไปแล้ว โจทก์นำสืบไม่ได้ว่ามีการเรียกค่าไถ่แต่อย่างใด จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ว่า ในกรณีความผิดฐานพาเอาตัวเด็กไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้นเพียงแต่จำเลยมีเจตนากระทำผิด และมีเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ในการพาเอาตัวเด็กชายจรูญไปก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ไม่จำต้องมีการได้มาซึ่งค่าไถ่ หรือได้มีการเรียกค่าไถ่แต่อย่างใด

พิพากษายืน

Share